ถาม-ตอบ ฟิลเลอร์
คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับ ฟิลเลอร์
A: การฉีดฟิลเลอร์แท้ ปลอดภัยแน่นอนค่ะ เพราะฟิลเลอร์แท้ จะเป็นสาร HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็น สารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองได้ การฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยจะต้องเลือกฉีดจากคลินิกที่เชื่อถือได้ ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรอง แบรนด์ที่เชื่อถือได้ มี อย. รับรองค่ะ และ ความชำนาญของแพทย์ที่ฉีด ซึ่งที่อทิตาคลินิก เราได้รับรางวัลการันตียอดใช้ผลิตภัณฑ์มากที่สุด และมี Certificate รับรองจากบริษัทยา และแพทย์มีความชำนาญประสบการณ์กว่า 15 ปี จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยค่ะ
A: โดยเฉลี่ยแล้ว ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป จะอยู่ได้ราวๆ 12 -18 เดือน ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์แต่ละรุ่น/ แบรนด์ ค่ะ
A: การฉีดฟิลเลอร์แท้ ซึ่งจะเป็นสาร HA (Hyaluronic Acid) ฟิลเลอร์จะสลายตัวหมดไปเองค่ะ ไม่ตกค้างในร่างกาย และสามารถมาฉีดเพิ่มเติมได้เรื่อย ๆ ค่ะ
A: ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์นั้น จะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุด ภายในประมาณ 1- 2 สัปดาห์ค่ะ
A: การฉีดฟิลเลอร์ ที่อทิตาคลินิก เราใช้เทคนิค Blunt Cannula (ฉีดโดยเข็มทู่) ซึ่งข้อดีคือจะทำให้เกิดภาวะบวมช้ำน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลย แต่ในบางเคส อาจเกิดอาการบวมได้เล็กน้อยในจุดที่ทำ ซึ่งเป็นผลจากฝีเข็ม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวลค่ะ และจะค่อยๆ ดีขึ้น หายได้เองใน 3 – 5 วันค่ะ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละบุคคลค่ะ
A: หากฉีดด้วยฟิลเลอร์ที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ผ่าน อย. เมื่อฉีดไปแล้ว ฟิลเลอร์จะเป็นก้อน อาจทำให้เกิดอาการแพ้ บวมแดงอักเสบ (reaction,granuloma) เกิดเป็นก้อนแข็งเมื่อเวลาผ่านไป 3-5 ปี การย้อยเป็นก้อนแข็ง (migration) ย่อยสลายไม่หมด ไม่สามารถย่อยสลายได้ เพราะฉะนั้นเราควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ และคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเจอฟิลเลอร์ปลอมได้ค่ะ
A: บริเวณที่นิยมฉีดกันมากที่สุด มีดังนี้ค่ะ
- หน้าผาก เติมเต็มหน้านูน กลมสวยละมุน เพิ่มโหงวเฮ้งที่ดี
- ร่องคิ้ว เติมเต็มร่องเหนือคิ้ว
- ร่องลึกหว่างคิ้ว เติมร่องลึกระหว่างคิ้ว ที่เกิดจากรอยย่น
- ใต้ตา ฟิลเลอร์จะแก้ปัญหาถุงใต้ตาหรือใต้ตาลึก ให้แลดูตื้นขึ้น ดวงตาสดใส ไม่หมอคล้ำ
- ขมับ เติมเต็มขมับตอบให้อิ่มเต็มยิ่งขึ้น ช่วยให้ใบหน้าไม่ตอบ ไม่โทรมและดูเด็กขึ้น
- จมูก เติมสันจมูกให้โด่ง คม ชัดขึ้น
- ร่องแก้ม ช่วยให้ร่องแก้มลึกดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
- แก้มส้ม ช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าเอิบอิ่มอ่อนเยาว์ ใบหน้าหวานละมุน และมีมิติขึ้น
- ปาก ปากบาง ไม่เป็นทรง ไม่ได้รูป ฟิลเลอร์จะช่วยให้ปากอวบอิ่มสวยยิ่งขึ้น เติมขอบปากตกแต่งทรงของปากให้สวยชัดดูสวยขึ้น
- คาง ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม จะหมดไป เมื่อฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มให้คางได้รูปสวยงาม
- ฉีดทั่วหน้า เติมความชุ่มชื้นให้ผิว แก้ไขริ้วรอยตื้นๆ และเติมหลุมสิวได้ เติมรอยแผลเป็นได้
A: การที่ร่างกายแพ้ฟิลเลอร์เกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะปัจจุุบันเทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์มีคุณภาพมาก และฟิลเลอร์แท้ จะเป็นสาร HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็น สารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว แต่ในเคสที่มีอาการค้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ จะมีลักษณะเป็นก้อนนูนแดง อักเสบ โดยในบริเวณที่ฉีดจะมีอาการบวมแดง ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ค่ะ
สำหรับผู้ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์มีดังนี้
- คนที่แพ้สาร Hyaluronic Acid
- คนที่มีโรคประจำตัวต้องรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- คนที่มีอาการแพ้ยาชา ( เฉพาะรุ่นฟิลเลอร์ ที่มีส่วนผสมของยาชา )
- คนที่มีประวัติเป็นแผลคียลอยด์ง่าย
A: ปกติแล้ว สามารถเข้ารับการฉีดได้เลย ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรยุ่งยากค่ะ
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดสิ่งเหล่านี้ในระยะ 14 วันหลังทำ ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ควรงดอย่างน้อย 48 ชม.
- งดการออกกำลังกายหนักๆ รวมถึงการให้ใบหน้าโดนความร้อนโดยตรง เช่น การอบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น การนวดหน้าด้วยความร้อน เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดการบีบ กด นวด คลึง ใบหน้าแรงๆ ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไป เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปบริเวณอื่น และผิดรูปได้
- ควรหลีกเลี่ยง การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 3 – 7 วัน
- ควรหลีกเลี่ยง รับประทานอาหารหมักดอง เพราะสามารถกระตุ้นการบวนการอักเสบได้
ข้อแนะนำ
หลังการฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ เพราะส่วนประกอบสำคัญของฟลิเลอร์คือน้ำ การรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว จะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูยิ่งขึ้น และอยู่ได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 วันแรกหลังฉีดไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังฉีด