โบท็อกลิฟกรอบหน้า วิธีแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ไม่มีมิติ ให้กระชับและหน้าเรียวสวย!

การมีใบหน้าเรียว เห็นกรอบหน้าชัด จะทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ได้ภาพที่สวยงาม ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กับเราอย่างมาก สำหรับใครที่มีปัญหากรอบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย มองเห็นกรอบหน้าไม่ชัด หรือมีปัญหากรามใหญ่จะกล้ามเนื้อ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แต่ก็ไม่อยากผ่าตัด กลัวเจ็บ ไม่อยากพักฟื้นนาน ๆ “โบท็อกลิฟกรอบหน้า” นับเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด!

โบท็อกลิฟกรอบหน้า คืออะไร?

โบท็อกลิฟกรอบหน้า (Botox Face Lifting) เป็นหนึ่งในหัตถการที่ช่วยยกกระชับใบหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยจะฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) หรือที่เราคุ้นหูกันดีในชื่อ “โบท็อก” (Botox) เข้าไปที่บริเวณแนวกราม เพื่อยกกระชับผิว ทำให้เห็นแนวกราม เห็นกรอบหน้าชัด และทำให้หน้าเรียวมากขึ้น

โดยการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้านั้น จะแบ่งเป็น 2 เทคนิคหลัก ๆ ดังนี้

• Dermalift เป็นการฉีดโบท็อกเข้าไปที่ผิวชั้นตื้นช่วงบริเวณกรอบหน้า  ทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการหดตัว กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน พร้อมกับยกกระชับผิว ทำให้ผิวเต่งตึง และเห็นกรอบหน้าได้อย่างชัดเจน
• Nefertiti lift จะเป็นการฉีดโบท็อกเข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณใต้คางและลำคอที่ทำให้เกิดการดึงผิวหน้าลงมา ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวเกิดการคลายตัวลง และทำให้ผิวยกกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โบท็อกลิฟกรอบหน้า แตกต่างจากโบท็อกลดกรามอย่างไร?

มีหลายคนที่เข้าใจผิดว่า การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าและการฉีดโบท็อกลดกรามคือหัตถการเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนละหัตถการ และมีเป้าหมายในการฉีดที่แตกต่างกัน โดยการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจะเป็นการฉีดที่ผิวหนังชั้นตื้นบริเวณกรอบหน้าเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย หรือฉีดที่กล้ามเนื้อบริเวณใต้คางเพื่อยกผิวหน้าขึ้น ในขณะที่การฉีดโบท็อกลดกรามจะเป็นการฉีดโบท็อกเข้าไปที่กล้ามเนื้อกรามโดยเฉพาะ เพื่อให้กรามเนื้อกรามคลายตัว และหดเล็กลง ช่วยแก้ปัญหาหน้าบานจากกรามใหญ่โดยเฉพาะ

โบท็อกลิฟกรอบหน้า เหมาะกับใคร?

การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ใบหน้าไม่มีมิติ ผิวหน้าหย่อนคล้อย มีเหนียง แล้วต้องการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย เห็นกรอบหน้าชัด โดยที่ไม่ต้องการผ่าตัดยกกระชับ

โบท็อกลิฟกรอบหน้า ใช้กี่ยูนิต?

การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจะใช้โบท็อกประมาณ 50 – 100 ยูนิต ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ยี่ห้อของโบท็อก และการประเมินของแพทย์ผู้ทำการรักษา หากต้องการทราบปริมาณที่แน่นอน แนะนำให้เข้ามาให้คุณหมอประเมินสภาพผิวเบื้องต้นได้เลย

ข้อดี – ข้อเสียของการทำโบท็อกลิฟกรอบหน้า

ข้อดีของการทำโบท็อกลิฟกรอบหน้า

• ช่วยยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้า 
• ช่วยให้กรอบหน้าชัด หน้าเล็กลง และเรียวสวยขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
• ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
• ช่วยแก้ปัญหาเหนียง และคอหย่อนได้

ข้อเสียของการทำโบท็อกลิฟกรอบหน้า

• ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว ประมาณ 3 – 4 เดือน ถ้าหากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ก็จำเป็นที่จะต้องฉีดโบท็อกอย่างต่อเนื่อง
• ถ้าหากฉีดโบท็อกกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเจอหมอเถื่อน หรือโบท็อกปลอม ซึ่งจะทำให้เสี่ยงดื้อโบท็อก หรือไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังได้

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า

ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า ควรเตรียมตัวดังนี้

• งดใช้ยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Coumadin, Ibuprofen, Advil, Motrin, Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10 หรือ Evening Primrose Oil อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเสียเลือดมาก และการเกิดอาการฟกช้ำ
• งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนฉีด
• หากมีปัญหาสุขภาพ หรือโรคประจำตัว จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับบริการ
• ในวันที่เข้ารับบริการ แนะนำให้ล้างเครื่องสำอาง หรือทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อยก่อนพบแพทย์

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า

การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า มีขั้นตอนดังนี้

• คุณหมอจะทำการประเมินปัญหา กำหนดจุดที่ฉีดโบท็อก และจำนวนยูนิตที่ต้องใช้
• หลังจากนั้นจะทำความสะอาดผิวหน้าให้เรียบร้อย แล้วทายาชาเฉพาะที่ และประคบน้ำแข็งก่อนทำการฉีด
• เมื่อรู้สึกชาได้ที่แล้ว คุณหมอจะทำการฉีดโบท็อกตามแผนการรักษาที่ได้วางไว้อย่างเบามือ
• เมื่อฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าเสร็จแล้ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หลังจากที่ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าแล้ว คุณควรที่จะดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยแพทย์อาจแนะนำให้ดูแลตัวเอง ดังนี้

• งดนอนราบอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อก เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อก
• งดการนวดกดจุดบริเวณที่ฉีด 1 เดือน หลังฉีดโบท็อก
• หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน หรือทำเลเซอร์ความร้อนที่ลงผิวชั้นลึก อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อก
• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การอบซาวน่า แช่น้ำอุ่น หรือออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะจะทำให้โบท็อกสลายเร็วขึ้น
• หลังจากฉีดโบท็อกไปแล้ว 4 ชั่วโมง สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ โดยอาจมีรอยแดงจากเข็ม และรอยนูนจากการฉีดอยู่ ซึ่งจะหายได้เองภายใน 1 วัน

โบท็อกลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผล?

การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจะเริ่มเห็นผลหลังจากที่ฉีดโบท็อกไปแล้ว 2 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2 เดือน

โบท็อกลิฟกรอบหน้า อยู่ได้นานไหม?

ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าด้วยเทคนิค Derma Lift จะอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 เดือน ส่วนผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าด้วยเทคนิค Nefertiti Lift จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 8 เดือน

โบท็อกลิฟกรอบหน้า เจ็บไหม?

ก่อนที่จะฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า แพทย์จะทำการทายาชาเฉพาะที่และประคบเย็นก่อน ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บขณะทำหัตถการได้มาก โดยผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกแค่ตอนจิ้มเข็มและเดินยาเท่านั้น ซึ่งเป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้

โบท็อกลิฟกรอบหน้า ราคาเท่าไหร่?

ราคาการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่ใช้ และปริมาณที่ฉีดเป็นหลัง โดยการฉีดโบท็อกที่อทิตาคลินิก มีโปรโมชันราคา ดังนี้

• Hugel 100 ยูนิต ราคาประมาณ 4,999 บาท&
• Nabota 100 ยูนิต ราคาประมาณ 4,500 บาท*
• Xeomin 50 ยูนิต ราคาประมาณ 5,999 บาท*
• Xeomin 100 ยูนิต ราคาประมาณ 9,999 บาท*

โดยแต่ละบริการอาจจะมีโปรโมชันเพิ่มเติมด้วย เช่น แถมฟรีฉีดเมโสแฟต และฉีดเมโสหน้าใส อย่างละ 1 – 3 เข็ม เป็นต้น

สำหรับใครที่อยากดูโปรโมชันบริการอื่น ๆ ของอทิตาคลินิกเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เสริมจมูก เสริมคาง ทำตาสองชั้น ทำปากกระจับ ยกกระชับหน้าด้วย HIFU หรือ Ulthra SPT และอื่น ๆ อีกมากมาย  สามารถกดดูข้อมูลรายละเอียดได้ ที่นี่ เลย

*ราคาโปรโมชันฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าของอทิตาคลินิกอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่คลินิกก่อนสั่งซื้อแพ็กเกจ