รวม 5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ "เสริมคาง"
การเสริมคาง เป็นการปรับรูปแบบโครงสร้างใบหน้า ช่วยให้เรามีความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น แก้ไขปัญหาเรื่องคางสั้น คางเล็ก คางเหลี่ยม ทำให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้นด้วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น สามารถเสริมคางได้ด้วยซิลิโคน หรือการปรับรูปทรงคางด้วยฟิลเลอร์
ซึ่งการปรับรูปคางด้วยการฉีดฟิลเลอร์คางแผลจะหายได้เร็วกว่า ไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่ก็มีข้อจำกัดในการปรับรูปทรงคาง อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 วิธีต่างมีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญทั้ง 2 วิธี ล้วนช่วยให้ใบหน้าเรียวยาวขึ้น ปรับสัดส่วนใบหน้าให้เป็นแบบ Golden ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนใบหน้าที่สวยงาม ดูเรียวสวยมีมิติมากขึ้นได้
ใครที่กำลังสนใจอยากเสริมคางแล้วล่ะก็ นอกจากการสืบค้นข้อมูลและอ่านรีวิวต่าง ๆ เพื่อเลือกคลินิกที่จะทำการเสริมคางแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำคาง นั่นก็คือวิธีดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด การปฏิบัติตนอย่างไรที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ดีและสามารถฟื้นตัวเร็ว
เราได้รวบรวม 5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ “เสริมคาง” ทั้งหมดเอาไว้ในบทความนี้ เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจนเพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ของการเสริมคางออกมาดีที่สุด ใครที่ลังเลใจว่าจะเสริมคางดีไหม ห้ามพลาดเลยล่ะ
Table of Contents
1. หลังผ่าตัดเสริมคาง กี่วันรัดแกน?
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมคาง คือ หลังผ่าตัดเสริมคาง กี่วันรัดแกน? โดยปกติแล้วหลังการเสริมคางจะมีอาการบวมมากในช่วง 3-7 วัน และคางจะเริ่มเข้าที่ เริ่มรัดแกน และเริ่มเห็นรูปทรงคาง เมื่อกระบวนการหายของแผลเสร็จสมบูรณ์ ถึงจะเริ่มเห็นรูปทรงคางที่แท้จริง ซึ่งกระบวนการรัดแกนของคางจะใช้เวลานานกว่าการทำจมูก
ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนสำหรับการเสริมคางใหม่ และอาจใช้เวลา 3-6 เดือน สำหรับกรณีที่แก้คางใหม่ อย่างไรก็ตาม หากมีการขูดสารเหลวบริเวณคางก่อนการเสริมคาง อาจบวมเป็นเวลานานมากขึ้นและอาจต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี รูปทรงคางถึงจะรัดแกน และเข้ารูปสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายนั้นไม่มีคำตอบแน่ชัดว่าคางจะรัดแกนภายในระยะเวลาเท่าไรที่ตายตัว จะขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดของแต่ละบุคคลด้วย
2. การเสริมคางทำให้หน้าเปลี่ยนไหม?
สัดส่วนของใบหน้าแบบ Golden Ratio หรือที่เรียกว่าสัดส่วนใบหน้าทองคำ เป็นสัดส่วนที่ส่วนประกอบบนใบหน้ามีขนาดที่สมดุลกัน ซึ่งสัมพันธ์ด้วยขนาดของตา จมูก และคาง นอกจากความสำคัญของสัดส่วนจมูกที่สวยงามแล้ว สัดส่วนของคางก็เป็นส่วนที่มีความสำคัญไม่น้อยลงไปกว่ากัน โดยคางที่เหมาะสมต้องไม่สั้นเกินไป ความยาวของคาง จะช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้มีความเรียวยาว และดูมีมิติมากขึ้น
หากมีคางสั้น จะทำให้หน้าดูไม่เรียว ดูหน้าบาน ทั้ง ๆ ที่สัดส่วนขององค์ประกอบหน้าก็มีขนาดพอดีกัน แม้ไม่ได้มีสัดส่วนใบหน้าที่บานออกมาจริง ๆ ดังนั้นการเสริมคางจะช่วยทำให้ใบหน้าเปลี่ยนมาดูยาวเรียวขึ้นนั่นเอง และทำให้หน้าดูเล็กลง แม้จะไม่ได้ไปตัดโหนกกราม หรือไปเหลากรามใด ๆ ทั้งที่ความกว้างของใบหน้ายังเท่าเดิมก็ตาม แต่จะสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่ดูได้สัดส่วน ดูใบหน้าเรียวเป็นทรง V Shape ได้อย่างชัดเจน
3. หลังเสริมคาง ห้ามนอนตะแคงกี่วัน?
เสริมคาง ห้ามนอนตะแคงกี่วัน? เป็นคำถามที่คนอยากเสริมคางส่วนใหญ่อยากรู้ คำตอบคือควรงดการนอนตะแคงและนอนคว่ำอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณคางที่อาจทำให้ซิลิโคนที่เสริมไปเคลื่อนตำแหน่ง และอาจทำให้เจ็บมากยิ่งขึ้น รวมทั้งไม่ควรนั่งเท้าคางด้วยเช่นกัน และนอกจากนี้ยังควรที่จะนอนหงายโดยใช้หมอนรองคอเพื่อช่วยพยุงศีรษะให้สูงขึ้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัด เพื่อช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น และลดอาการบวมบริเวณคาง
4. หลังเสริมคาง ห้ามกินอะไรบ้าง เคี้ยวอาหารได้ไหม?
คำถามที่หลายคนกังวลใจเกี่ยวกับเสริมคางว่าหลังทำเคี้ยวอาหารได้ไหม? จะรับประทานอาหารได้ปกติหรือเปล่า จริง ๆ สามารถรับประทานอาหารได้ แต่เราขอแนะนำให้เน้นรับประทานอาหารรสไม่จัด สามารถเคี้ยวได้เล็กน้อย แต่ควรเป็นอาหารที่มีความนิ่ม และไม่ต้องใช้แรงมากในการบดเคี้ยวมากนัก นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่แข็งเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นการช่วยให้แผลหายไวขึ้น ไม่ทำให้แผลเกิดการอักเสบเพิ่ม และช่วยป้องกันการเคลื่อนตำแหน่งของซิลิโคนในระหว่างระยะหายของแผล
นอกจากนี้หลังเสริมคาง ไม่ควรกินอาหารร้อน รสจัด เผ็ด หมักดอง เหล้า รวมทั้งงดสูบบุหรี่ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนกระตุ้นให้แผลเกิดการอักเสบได้
5. ฉีดคางกับเสริมคาง อันไหนดีกว่ากัน?
สำหรับคำถามว่า ฉีดคางกับเสริมคาง อันไหนดีกว่ากัน? ไม่ว่าจะเป็นการฉีดคาง หรือเสริมคางด้วยซิลิโคนต่างช่วยปรับรูปทรงคาง ให้ใบหน้าได้สัดส่วนแบบ Golden Ratio ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจได้ ซึ่งทั้งสองวิธีต่างมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่สามารถตอบได้ว่าวิธีไหนดีกว่ากัน เช่น การฉีดฟิลเลอร์มีข้อดี คือ ไม่ต้องผ่าตัดและเห็นผลลัพธ์ทันที ฟื้นตัวได้เร็ว แต่ความยาวนานของผลลัพธ์จะอยู่ได้แค่ 12-18 เดือน ไม่ยาวนานเท่ากับการเสริมด้วยซิลิโคน ส่วนการเสริมคางด้วยซิลิโคนให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ต้องรับการผ่าตัดและมีระยะเวลาฟื้นตัวนานกว่า
ดังนั้นควรเลือกการเสริมคางที่เหมาะสมกับรูปแบบทรงคางที่ต้องการ และลักษณะเริ่มต้นของคางแต่ละบุคคลรวมทั้งความกังวลในการผ่าตัด ต้องการผลลัพธ์ที่คงที่ยาวนานหรือชั่วคราว ตลอดจนค่าใช้จ่าย ซึ่งคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบการตัดสินใจว่าควรทำด้วยวิธีไหนดี ถึงจะให้ผลลัพธ์ได้ใกล้เคียงกับความต้องการของเรามากที่สุด
หากมียังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสริมคาง แนะนำเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีที่สุด เพื่อให้แพทย์ประเมินวิธีการเสริมคางและเลือกใช้ซิลิโคนที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด เพื่อให้ได้รูปคางสวยละมุนตรงตามความต้องการได้ที่อทิตาคลินิก หากสนใจสามารถดูรีวิวศัลยกรรมเสริมคางประกอบการตัดสินใจ หรือติดต่อสอบถามเราได้ที่ 094-324-4442