เมื่อพูดถึงหัตถการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน หนึ่งในนั้นก็คงจะต้องมีการฉีดโบท็อกรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งโบท็อกคือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ที่เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่จะช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับหน้าและลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ โดยในปัจจุบันหลากหลายยี่ห้อ จากหลากหลายประเทศให้เลือกมากมาย ทำให้หลายคนยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะเลือกฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี แล้วแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร
วันนี้ Atita Clinic จะมาแนะนำยี่ห้อโบท็อกตามประเทศที่ผลิต รวมถึงความแตกต่างของโบท็อกแต่ละแบรนด์ให้คุณได้ทราบกัน
Table of Contents
ความแตกต่างของโบท็อกแต่ละยี่ห้อ
ความแตกต่างของโบท็อกแต่ละยี่ห้อ จะขึ้นอยู่กับขนาดของ Molecule Complex รวมถึงความบริสุทธิ์ของตัวยาโบท็อก และ Protein Complex โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
ขนาดของ Molecule Complex ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ
- Accessories Protein ส่วนที่ 1 ทำหน้าที่แพร่กระจายตัวยา และปกป้องโบท็อกไม่ให้ถูกทำลาย
- Heavy Chain ส่วนที่ 2 เป็นส่วนที่ทำให้โบท็อกส่วนที่ 3 สามารถเข้าสู่เซลล์เส้นประสาทได้
- Light Chain เป็นส่วนที่ระงับการทำงานของกล้ามเนื้อ
ความบริสุทธิ์ของตัวยาโบท็อก และ Protein Complex
โบท็อกคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เมื่อฉีดเข้าร่างกายแล้ว จะสามารถสลายไปหมดได้เองโดยไม่เกิดอันตราย แต่ในร่างกายของบางคนอาจมีการสร้างภูมิต้านทาน (Antibody) ขึ้นมา ทำให้โบท็อกที่ฉีดเข้าไปไม่ออกฤทธิ์จากการดื้อโบท็อก โดยสามารถเกิดได้จากโปรตีนส่วนที่ 1, 2, 3 โดยในโปรตีนส่วนที่ 3 จะเป็น Botulinum Toxin Type A เหมือนกันทุกยี่ห้อ แต่ส่วนที่แตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อคือ โปรตีนส่วนที่ 1, 2 และความบริสุทธิ์ของตัวยา
แนะนำโบท็อกยี่ห้อไหนดีตามประเทศผลิต
ได้ทราบกันไปแล้วว่า ความแตกต่างของโบท็อกแต่ละยี่ห้อคืออะไร อันดับต่อไปเราก็จะพาไปทำความรู้จักกับยี่ห้อโบท็อกจากหลากหลายประเทศ ซึ่งแต่แบรนด์ก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป แล้วควรจะเลือกโบท็อกยี่ห้อไหนดี ไปดูกันต่อเลย
1. Aestox เกาหลี
Aestox เป็นโบท็อกจากประเทศเกาหลีที่ผ่านการวิจัย ค้นคว้า และทดลองจากสถาบันมาตรฐานระดับสากลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมทั้งมีการทำการวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก KFDA (องค์การอาหารและยาประเทศเกาหลีใต้) และ ThaiFDA (องค์การอาหารและยาประเทศไทย) ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่า มีความเสถียรทุกขวด ออกฤทธิ์เร็ว และเห็นผลไว โดยตัวยาของ Aestox มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% ทำให้เกิดโอกาสที่จะดื้อยาได้น้อยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับโบท็อกจากอเมริกา แต่มีอายุการออกฤทธิ์ที่สั้นกว่า
ระยะเวลาเห็นผล: หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย จะเห็นผลใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 14 วันหลังฉีด / หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย จะเห็นผลใน 14 วัน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 2-3 เดือน
ฉีดแล้วอยู่ได้กี่เดือน: Aestox จะมีอายุการออกฤทธิ์ที่สั้นกว่าโบท็อกจากอเมริกา โดยจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วยเช่นกัน
จุดเด่น:
- มีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย ยกกระชับผิว และปรับมิติใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เหมาะสำหรับลดริ้วรอย ลดขนาดขากรรไกร และฉีดตามจุดเฉพาะ เช่น ลดขากรรไกร น่อง แขน หรือรักแร้เหงื่อออก
- ให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดและดูเป็นธรรมชาติ
- เป็นแบรนด์เกาหลีที่ได้รับความนิยมและไว้วางใจจากผู้ใช้งานมากมาย
2. Hugel เกาหลี
Hugel เป็นโบท็อกจากประเทศเกาหลีที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Hugel Inc (เกาหลีใต้) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านโบท็อก ซึ่งได้มีการพัฒนาสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) ให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับโบท็อกอเมริกา และได้รับการรับรองจาก ThaiFDA (องค์การอาหารและยาประเทศไทย) โดยโบท็อก Hugel มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% ทำให้เกิดโอกาสที่จะดื้อยาได้น้อย นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของการออกฤทธิ์อย่างแม่นยำ กระจายตัวแคบ ทำให้โบท็อกเข้าไปแก้ปัญหาได้ตรงจุด ลดการกระจายตัวไปบริเวณอื่น รวมถึงสามารถมั่นใจได้ว่า มีความสะอาด และคุณภาพดี เนื่องจากผลิตจากโรงงานที่ใช้ Robot
ระยะเวลาเห็นผล: หากฉีดเพื่อลดกราม จะเห็นผลใน 14 วัน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 2-3 เดือนหลังฉีด / หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย จะเห็นผลใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 14 วันหลังฉีด / หากฉีดเพื่อลดต้นแขน น่อง จะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 2-3 เดือนหลังฉีด
ฉีดแล้วอยู่ได้กี่เดือน: หากเป็นบริเวณริ้วรอยเล็ก ๆ จะอยู่ได้ 3-4 เดือน ส่วนบริเวณหน้าผากและกรามจะอยู่ได้นาน 5-6 เดือน ทั้งนี้หากดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดก็จะยิ่งเห็นผลชัดเจน และมีอายุการออกฤทธิ์ที่นานขึ้น
จุดเด่น:
- มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5%
- ผลิตโดยบริษัท Hugel ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของเกาหลีในการผลิตโบทูลินัมท็อกซิน
- มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
- เป็นที่ยอมรับในตลาดเอเชียและนำเข้าหลายประเทศ
3. Nabota เกาหลี
Nabota เป็นโบท็อกจากประเทศเกาหลีที่คิดค้นและพัฒนาโดย บริษัท Daewoong Pharmaceutical มาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ Hi-Pure Technology ทำให้มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% รวมถึงออกฤทธิ์ไว และเห็นผลลัพธ์หลังฉีดรวดเร็ว ที่สำคัญคือ Nabota เป็นโบท็อกจากประเทศเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยการรับรองมาตรฐาน USFDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) และได้รับการรับรองจาก ThaiFDA (องค์การอาหารและยาประเทศไทย) จึงไม่แปลกเลยที่ Nabota จะได้รับความนิยมทั้งในโซนเอเชีย โซนยุโรป และโซนอเมริกา
ระยะเวลาเห็นผล: หากฉีดเพื่อลดกราม จะเห็นผลใน 1 เดือน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 2-3 เดือนหลังฉีด / หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย จะเห็นผลใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 14 วันหลังฉีด
ฉีดแล้วอยู่ได้กี่เดือน: แม้ว่าจะเป็นโบท็อกที่เห็นผลรวดเร็วกว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่อายุการออกฤทธิ์จะอยู่ได้ค่อนข้างสั้นกว่า โดยหากเป็นการฉีดเพื่อลดริ้วรอยจะอยู่ได้ 3-4 เดือน และหากเป็นการฉีดเพื่อลดกรามจะอยู่ได้ 5-6 เดือน ทั้งนี้หากดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดก็จะยิ่งเห็นผลชัดเจน และมีอายุการออกฤทธิ์ที่นานขึ้น
จุดเด่น:
- ความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7%
- ออกฤทธิ์ไว
- ใช้เทคโนโลยี HI-PURE Technology เฉพาะตัวในการผลิต
- มีประสิทธิภาพสูงในการลดริ้วรอยและเส้นเล็กบนใบหน้า
4. Allergan อเมริกา
Allergan เป็นโบท็อกจากประเทศอเมริกาที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นโบท็อกต้นแบบ เนื่องจากถูกผลิตโดยบริษัทอัลเลอร์แกน (Allergan) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทยาที่มีชื่อเสียง และเป็นบริษัทแรกที่คิดค้นสารโบทูลินั่ม (Botulinum) ช่วยลดกล้ามเนื้อ และลดริ้วรอย นอกจากนี้ Allergan ยังเป็นโบท็อกยี่ห้อแรกที่ได้รับการรับรองจาก USFDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) และได้รับการรับรองจาก ThaiFDA (องค์การอาหารและยาประเทศไทย) รวมถึงมีงานวิจัยรับรองกว่า 3,500 งานวิจัย
โดยตัวยาของ Allergan มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดการดื้อยา นอกจากนี้ยังให้ผลการรักษาที่แม่นยำ เพราะตัวยากระจายตัวแคบ และไม่ค่อยกระจายตัวไปยังบริเวณอื่นมากนัก ที่สำคัญคือมีอายุการออกฤทธิ์ที่นานกว่าโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ
ระยะเวลาเห็นผล: หากฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อหรือปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลในช่วง 4-7 วันหลังฉีด / หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย จะเห็นผลรวดเร็วภายใน 3-7 วันหลังฉีด
ฉีดแล้วอยู่ได้กี่เดือน: อายุการออกฤทธิ์ของ Allergen ค่อนข้างนานกว่าโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ โดยสามารถออกฤทธิ์ได้นาน 6-8 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองของแต่ละคน
จุดเด่น:
- ความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5%
- ผลิตและจำหน่ายโดย Allergan USA มานานกว่า 30 ปี
- มีการศึกษาวิจัยและข้อมูลทางคลินิกมากที่สุด
- ได้รับการยอมรับและใช้งานทั่วโลก
5. Xeomin เยอรมัน
Xeomin เป็นโบท็อกจากประเทศเยอรมนีที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี XTRACT Technology โดยจะแยกโปรตีนที่ไม่จำเป็น (Complexing Proteins) ออก ทำให้มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ตัวยาจึงสามารถกระจายตัวในวงกว้างได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ตัวยายังมีความบริสุทธิ์ถึง 100% ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการแพ้ยาหรือดื้อยาต่ำมาก ได้รับการรับรองจาก USFDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) และได้รับการรับรองจาก ThaiFDA (องค์การอาหารและยาประเทศไทย)
ระยะเวลาเห็นผล: หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย จะเห็นผลภายใน 2-3 วันหลังฉีด และเห็นผลเต็มที่ภายใน 7-14 วันหลังฉีด / หากฉีดเพื่อลดเนื้อกราม กรามจะนิ่มลงในช่วง 4-6 สัปดาห์ และจะยุบเต็มที่ใน 2-3 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และขนาดกล้ามเนื้อของแต่ละคนด้วยเช่นกัน
ฉีดแล้วอยู่ได้กี่เดือน: อายุการออกฤทธิ์ของ Xeomin ถือว่านานที่สุดในบรรดาโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ โดยตัวยาสามารถอยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี ทั้งนี้หากดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดก็จะช่วยยืดอายุการออกฤทธิ์ได้นานมากขึ้น
จุดเด่น:
- ความบริสุทธิ์ถึง 100%
- ไม่มีโปรตีนเสริม ทำให้มีความเสี่ยงลดลงในการที่ร่างกายจะสร้างแอนติบอดี้ต่อต้านการรักษา
- ใช้กระบวนการกรองแบบดับเบิลเพื่อสร้างสารละลายที่บริสุทธิ์สูงปราศจากโปรตีนเชิงซ้อน
- ผลลัพธ์อาจคงอยู่ได้นานกว่า Botox ถึง 6 เดือน
- ออกฤทธิ์ไวและคงอยู่นานกว่า Botox อื่น ๆ
- เหมาะกับคนที่ดื้อโบท็อกตัวอื่น ๆ มา
6. Bo-Neu
Bo-Neu หรือ Neuronox เป็นโบท็อกซ์แบรนด์จากเกาหลีใต้ที่ใช้สาร Botulinum Toxin ชนิด Hall A-hyper สายพันธุ์ออริจินัล มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา แต่ให้ราคาที่คุ้มค่ากว่า ผลิตโดยบริษัท Medytox ที่มีประสบการณ์ในวงการเภสัชกรรมมากว่า 10 ปี ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าและลดริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้ในการรักษาริ้วรอยบนใบหน้า ปรับมิติใบหน้า รวมถึงรักษาภาวะเกร็งของกล้ามเนื้อและเหงื่อออกมากเกินไป
ระยะเวลาเห็นผล: Bo-Neu จะเริ่มเห็นผลในระยะเวลาประมาณ 3-7 วันหลังจากได้รับการฉีด โดยผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะเกิดขึ้นในช่วง 10-14 วัน หลังจากการฉีด ในช่วงระยะเวลานี้ กล้ามเนื้อจะเริ่มผ่อนคลายลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ริ้วรอยต่าง ๆ ดูเรียบเนียนขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ
ฉีดแล้วอยู่ได้กี่เดือน: ประสิทธิภาพของ Bo-Neu มีความคงทนอยู่ในช่วง 3-6 เดือน ซึ่งระยะเวลาความคงทนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ เช่น ปริมาณที่ใช้ในการฉีด ตำแหน่งที่ทำการฉีด รวมถึงลักษณะเฉพาะของผิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคล
จุดเด่น:
- ความบริสุทธิ์สูงด้วยกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ลดความเสี่ยงจากการเกิดอาการแพ้
- ประสิทธิภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำ
- ความหลากหลายของปริมาณ ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน
- ระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่ยาวนาน ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
วิธีเช็กโบท็อกแท้ ทำอย่างไรได้บ้าง?
- ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์และฉลาก
- ดูความชัดเจนของข้อความและโลโก้ บรรจุภัณฑ์ของแท้จะมีการพิมพ์ที่คมชัด ไม่เบลอ
- ตรวจสอบรหัสผลิตภัณฑ์ (lot number) และวันหมดอายุที่ชัดเจน
- บรรจุภัณฑ์ต้องมีข้อมูลครบถ้วน เช่น ชื่อผู้ผลิต ที่อยู่ เลขที่ใบอนุญาต
- ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ซื้อจากคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาต
- หลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งที่ไม่ชัดเจน เช่น ออนไลน์จากผู้ขายที่ไม่มีใบอนุญาต
- ขอดูใบรับรองของผลิตภัณฑ์จากสถานพยาบาล
- ตรวจสอบลักษณะของผลิตภัณฑ์
- โบท็อกแท้จะเป็นผงสีขาวแห้ง เมื่อผสมน้ำเกลือจะใสไม่มีตะกอน
- ฉีดแล้วไม่เจ็บมาก และไม่มีอาการแพ้ผิดปกติ
- ผลการรักษาจะค่อย ๆ ปรากฏภายใน 3-7 วัน
- ขอดูเอกสารและใบรับรอง
- ขอดูใบรับรองการนำเข้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์
- ขอดูใบรับรองแพทย์ผู้ทำหัตถการ
- สังเกตราคา
- ระวังราคาที่ถูกผิดปกติ
- เปรียบเทียบราคากับคลินิกหลายแห่งเพื่อดูความสมเหตุสมผล
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การพิจารณาว่าโบท็อกยี่ห้อไหนดี ก็คือการเลือกคลินิกที่จะทำการฉีดโบท็อกให้กับคุณ โดยคุณสามารถพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ผลงานที่ผ่านมา และมาตรฐานของคลินิก ดังนี้
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ ดูได้จากคลิกวิดีโอก่อน-หลังทำของคนไข้ที่ผ่านมา หรือจากแหล่งรีวิวที่มีความเป็นกลางและน่าเชื่อถือ เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการรักษาได้อย่างชัดเจน
- มีการติดตามผลการรักษา และมีช่องทางที่สามารถสอบถามข้อมูลหรือติดต่อได้สะดวก
- เลือกใช้ Botox ที่มีอย. รวมถึงแกะกล่องและเปิดขวดใหม่ให้ดูทุกครั้ง
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปริมาณยาที่จำเป็นในการฉีด และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง
คลินิกได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพถูกต้อง คลินิกต้องสะอาด บริเวณหน้าคลินิกต้องมีชื่อคลินิกชัดเจน และมีช่องทางที่สามารถติดต่อได้
อทิตาคลินิกมีทีมแพทย์คอยแนะนำ ให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เมื่อได้ทราบกันแล้วว่า โบท็อกแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร หลายคนก็คงจะตัดสินใจได้แล้วว่า จะเลือกฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี แต่ทั้งนี้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจฉีดโบท็อกก็ควรจะสอบถามถึงความเหมาะสมเกี่ยวกับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง และหากคุณยังไม่รู้ว่าจะไปฉีดโบท็อกที่ไหนดี ก็สามารถเข้ามาปรึกษาที่ Atita Clinic ก่อนได้ เพราะเราเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน และให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่สำคัญคือ ก่อนทำการฉีดโบท็อกแพทย์จะแกะกล่องและเปิดขวดใหม่ให้ดูทุกครั้ง ทำให้คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า โบท็อกที่ฉีดเข้าไปจะเป็นยี่ห้อเดียวกับที่คุณต้องการอย่างแน่นอน