ปัญหารอยคล้ำใต้ตา เบ้าตาลึก ริ้วรอยรอบดวงตา เป็นปัญหากวนใจและแก้ได้ยาก ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหารอบดวงตาให้กลับเป็นสดใสในเวลาอันรวดเร็ว แต่หลายคนคงเกิดคำถามว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล ควรเลือกฟิลเลอร์แบรนด์ไหน บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนทำ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรใช้กี่ CC
Table of Contents
โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ข้างละ 1-2 CC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชั้นผิวใต้ตา ซึ่งแพทย์จะประเมินตามความเหมาะสม โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์ 1 CC จะฉีดบริเวณที่ไม่ลึกมาก สำหรับคนไข้ที่มีใต้ตาไม่ลึก ใช้เพียงข้างละ 1 CC ก็สามารถการเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่สำหรับคนไข้ที่มีปัญหากระดูกใต้ตาลึกมาก ๆ จนเกิดเป็นเงาใต้ตา มองเห็นรอยดำคล้ำชัดเจน อาจต้องใช้ข้างละ 1.5-2 CC
แบรนด์ฟิลเลอร์ใต้ตาที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ
ใต้ตาเป็นบริเวณที่เนื้อเยื่อค่อนข้างบาง การเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตานั้น ควรเป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงรูปและยืดหยุ่นสูง เนื้อละเอียด ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ โดย 4 ยี่ห้อที่คลินิกหลายแห่งเลือกใช้ ได้แก่ Belotero Neuramis Restylane และ Juvederm
1. Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วยเทคโนโลยี Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เกาะผิวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่ง Belotero นำเข้าอย่างถูกกฎหมายโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด และผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจากองค์การอาหารและยาในยุโรป สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย มีอีกชื่อเรียกว่า “Colorfull Filler” เพราะมีหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีกล่องสีสันสดใส ซึ่งจะเหมาะกับการฉีดบริเวณที่แตกต่างกัน ดังนี้
- Belotero Volume กล่องสีม่วง มีส่วนผสมของยาชา โดดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่นและความคงตัว เหมาะสำหรับแก้ไขรูปหน้าที่ไม่เข้ารูป เช่น หน้า คาง โหนกแก้ม สามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าตอบจากการทรุดตัวของกระดูก นอกจากนี้ยังนิยมใช้ Belotero ฉีดใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย
- Belotero Intense กล่องสีชมพู มีส่วนผสมของยาชา มีความยืดหยุ่นสูง นิยมฉีดบริเวณร่องแก้มชั้นลึก และการเติมแก้มตอบ รวมทั้งฉีดฟิลเลอร์ปาก เพราะมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับปากซึ่งเป็นบริเวณที่มีการขยับกล้ามเนื้อเยอะ
- Belotero Balance กล่องสีส้ม นิยมใช้แก้ปัญหาริ้วรอยระดับลึกถึงปานกลาง เช่น ระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก จะช่วยปรับริ้วรอยร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น
- Belotero Soft กล่องสีเหลือง มีโมเลกุลเล็กและเนื้อละเอียดมากกว่ารุ่นอื่น ๆ นิยมฉีดเก็บรายละเอียด หรือฉีดบริเวณริ้วรอยที่เกิดจากผิวชั้นนอกและผิวที่ไม่ได้มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกมากนัก เช่น รอยตีนกา รอยย่นบริเวณหน้าผาก
ฟิลเลอร์ Belotero อยู่ได้นานไหม
- Belotero Volume อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Intense อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Balance อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Belotero Soft อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
2. Neuramis
ฟิลเลอร์ Neuramis จากประเทศเกาหลีใต้ พัฒนาโดยบริษัท Medytox โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เรียกว่า SHAPE technology มีความโดดเด่นในเรื่องของราคาที่ย่อมเยากว่าฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. รุ่นอื่น ๆ จึงได้รับความนิยมในคลินิกเสริมความงามทั่วไป โดยรุ่นที่นิยมฉีดใต้ตา และผ่านการรับรองจากอย.ไทย มีดังนี้
- Neuramis รุ่น Deep Classic เป็นเนื้อเจลหนืดปานกลาง ไม่มีส่วนผสมของยาชา มีประสิทธิภาพในการคงตัวค่อนข้างสูง ขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับเติมเต็มใบหน้าในชั้นลึกมากกว่าชั้นตื้น เช่น ร่องแก้ม ร่องลึกใต้ตา หรือปรับรูปหน้าบริเวณที่ต้องการ เช่น คาง ปาก
- Neuramis รุ่น Deep Lidocaine เป็นเนื้อเจลหนืดปานกลาง มีส่วนผสมของยาชา ขึ้นรูปได้ง่าย และคงรูปได้ดี เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นิยมฉีดบริเวณร่องชั้นลึก เช่น ร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม
- Neuramis รุ่น Volume Lidocaine เป็นเนื้อเจลหนืด มีส่วนผสมของยาชา มีความคงตัวสูงที่สุดในบรรดา 3 รุ่น เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยระดับกลางถึงลึกมาก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
ฟิลเลอร์ Neuramis อยู่ได้นานไหม
- Neuramis รุ่น Deep Classic อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
- Neuramis รุ่น Deep Lidocaine อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
- Neuramis รุ่น Volume Lidocaine อยู่ได้นาน 12-24 เดือน
3. Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Galderma ที่มีการผลิตมายาวนานที่สุดในโลกและยังคงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ความโดดเด่นคือตัวฟิลเลอร์พัฒนาด้วย NASHA Techology และ OBT Technology ทำให้เนื้อฟิลเลอร์เหมาะกับปัญหาผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละจุด โดยขอแนะนำ 4 รุ่น ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ดังนี้
- Restylane Perlane Lyft มีส่วนผสมของยาชา มีความคงตัวสูง และสามารถคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ฉีดคาง ฉีดจมูกได้
- Restylane Defyne มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี จึงนิยมเติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือฉีดใต้ตาได้
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับแก้ไขจุดเล็ก ๆ นิยมนำมาฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตา ปาก หรือผิวที่มีบริเวณไม่ลึกมาก
- Restylane Classic ฟิลเลอร์อนุภาคใหญ่ เนื้อแข็ง เหมาะกับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก เช่น ร่องแก้มตื้น ๆ ใต้ตา เป็นต้น
ฟิลเลอร์ Restylane อยู่ได้นานไหม
- Restylane Perlane Lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Defyne อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Vital Light อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Classic อยู่ได้นาน 12 เดือน
4. Juvederm
มาถึงตัวสุดท้าย ฟิลเลอร์ Juvederm ฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan เจ้าของโบท็อกยอดฮิตอย่างโบท็อก Allergan โดยฟิลเลอร์ Juvederm ได้รับการรับรองจาก USFDA และ ThaiFDA ความโดดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ คือ ความเรียบเนียน ยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี จึงเป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ยอดนิยมที่หลายคลินิกใช้ฉีดใต้ตา ยกตัวอย่างรุ่นที่นิยมใช้ฉีดใต้ตา เช่น
- Juvederm Volite มีเนื้อละเอียด นิ่มเนียน นิยมใช้ฉีดบริเวณใต้ตา หรือผิวชั้นตื้น
- Juvederm Voluma มีเนื้อแน่น ฟูปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับแก้ไขใต้ตา ร่องแก้ม หรือเติมขมับ คาง หรือส่วนอื่น ๆ ได้ เพราะตัวฟิลเลอร์ปั้นง่าย คงตัวได้ดี
- Juvederm Volux รุ่นที่มีการพัฒนาออกมาล่าสุด มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงยืดหยุ่นสูง และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก
ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้นานไหม
- Juvederm Volite อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะใช้กี่ CC มากหรือน้อย ก็สามารถเกิดผลข้างเคียงได้เหมือนกัน เนื่องจากบริเวณใต้ตาค่อนข้างบางกว่าบริเวณอื่น
ฉีดแล้วเป็นก้อนที่ใต้ตา
ปัญหาการฉีดใต้ตาแล้วเป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติ เกิดจากการฉีดในชั้นที่ไม่ถูกต้อง ฉีดในชั้นที่ตื้นเกินไป จะทำให้เห็นเป็นก้อนชัดขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้เวลาเลือกคลินิกต้องเลือกคลินิกที่แพทย์มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจโครงสร้างบนใบหน้าเป็นอย่างดี
มีอาการบวมเข็ม
อาการบวมเข็มจะมีลักษณะบวมแดง ช้ำ ซึ่งเกิดขึ้นได้ปกติ โดยรอยเข็มจะหายเองใน 2-3 วัน และส่วนที่บวมจะยุบในประมาณ 2 สัปดาห์ โดยคนไข้ควรหลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือนวดบริเวณนั้น
วิธีปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตรต่อวัน จะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่และอยู่ได้นาน
- หากมีอาการบวมให้ประคบเย็นเบา ๆ ไม่ควรกดแรง ๆ
- หากมีอาการปวดให้ทานยาแก้ปวดตามอาการ
- 2-3 คืนแรก ให้นอนในห้องแอร์อุณหภูมิ 18-23 องศาเซลเซียส โดยนอนหัวสูงกว่าหน้าอก ไม่นอนตะแคง เพื่อป้องกันการกดทับ
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
เมื่อถึงตรงนี้คงไขข้อข้องใจให้ใครหลายคนแล้วว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรใช้กี่ CC ซึ่งจะเห็นได้ว่าใช้เพียงไม่กี่ CC ก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนแล้ว การฉีดในปริมาณเยอะไม่ใช่ข้อดีเสมอไป สำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ก่อนจะฉีดฟิลเลอร์นั้น ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ ดังนั้นผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ให้ละเอียด ดูรีวิวจากลูกค้าจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ และเลือกเข้ารับบริการคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยที่สุด
อทิตาคลินิกมีทีมแพทย์คอยแนะนำ ให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย