กลิ่นตัว ปัญหาใหญ่ใกล้ตัวที่ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็อาจเจอกับปัญหานี้ที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ ยิ่งอาศัยอยู่ในเมืองร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี อย่างประเทศไทย ยิ่งเอื้อให้เกิดปัญหากลิ่นตัวได้มากขึ้น บทความนี้จึงจะพาทำความเข้าใจว่ากลิ่นตัวเกิดจากอะไร? กำจัดกลิ่นตัวอย่างไรให้ถูกวิธี? เพื่อให้ดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง
กลิ่นตัวเกิดจากอะไร
Table of Contents
กลิ่นตัวเกิดจากต่อมเหงื่ออะโพครายน์ (Apocrine Gland) ต่อมเหงื่อขนาดใหญ่ที่พบมากบริเวณรักแร้และขาหนีบ เรียกอีกชื่อว่า ต่อมกลิ่น โดยต่อมชนิดนี้จะผลิตสารที่มีลักษณะขาวขุ่นคล้ายน้ำนม ปกติจะไม่มีกลิ่น แต่เมื่อหลั่งออกมาแล้วสัมผัสกับแบคทีเรีย จะทำให้เกิดกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์ขึ้น
กลิ่นตัวเกิดจากสาเหตุใดได้อีกบ้าง?
นอกจากกลิ่นตัวเกิดจากต่อมกลิ่นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดกลิ่นตัวได้ด้วยเช่นกัน ดังนี้
1. เพศ
เพศชายจะมีกลิ่นตัวแรงกว่าเพศหญิง เพราะมีต่อมเหงื่อมากกว่า และต่อมเหงื่อชนิดอะโพครายน์ถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนเพศชาย หรือฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen)
2. กรรมพันธุ์
กรรมพันธุ์และเชื้อชาติมีผลต่อกระบวนเมแทบอลิซึมและความหนาแน่นของต่อมเหงื่อในร่างกายแต่ละคน หากมีจำนวนต่อมเหงื่อมาก ย่อมส่งผลให้ผลิตเหงื่อออกมาได้เยอะ มีโอกาสเกิดความอับชื้นและมีกลิ่นตัวได้มากกว่าคนทั่วไป
3. โรคประจำตัว
ผู้ที่เป็นโรคอ้วน มีโอกาสเกิดกลิ่นตัวแรงมากกว่าคนผอม เพราะมีอวัยวะภายนอกที่อับชื้นที่สร้างกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์ เช่น รักแร้ ขาหนีบ ชั้นพุง รวมทั้งมีต่อมเหงื่อที่ผลิตเหงื่อมากกว่าคนที่ผอม นอกจากโรคอ้วนแล้ว ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ที่ไม่ได้รับการรักษา ร่างกายจะขับไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน ส่งผลให้ระดับคีโตนในร่างกายสูง จากนั้นสิ่งที่สะสมไว้จะกลายเป็นกลิ่นตัว
4. อาหารการกิน
การรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงหรือรสจัด เช่น กระเทียม เครื่องเทศ อาหารหมักดอง เมื่อผ่านการย่อยจะเกิดแก๊สซัลเฟอร์ปนอยู่กับออกซิเจนในเลือดที่ไปอยู่ตามรูขุมขน และขับออกมาทางต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดนกลิ่นตัวนั่นเอง รวมทั้งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ทำให้มีกลิ่นตัว กลิ่นลมหายใจ และกลิ่นปัสสาวะที่ไม่พึงประสงค์เช่นกัน
5. สภาพอากาศ
สภาพอากาศที่ร้อนชื้น หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ เพราะบริเวณที่เหงื่อไม่สามารถระเหยได้สะดวก เช่น ซอกรักแร้ ขาหนีบ จะมีต่อมเหงื่ออะโพครายน์ที่ผลิตเหงื่อที่มีลักษณะขุ่น ๆ ออกมา และเมื่อเหงื่อสัมผัสกับแบคทีเรียที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้เกิดกลิ่นตัวขึ้น
วิธีกำจัดกลิ่นตัว เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต
วิธีกำจัดกลิ่นตัวด้วยตัวเอง
- รักษาสุขอนามัย ทำความสะอาดบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ให้สะอาดโดยใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- หลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อนจัด ภาวะอับชื้น
- สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่ใช้เสื้อผ้าซ้ำ และเลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- ใช้ยาระงับกลิ่นกาย (Deodorants) และยาระงับเหงื่อ (Antiperspirants)
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร งดอาหารที่มีรสจัด กลิ่นแรง และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การฉีดโบท็อกลดกลิ่นตัว
การฉีดโบท็อกลดกลิ่นตัว คือ เป็นการฉีดสารโบทูลินั่มท็อกซินเอ (Botulinum toxin A) เพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายที่มีเหงื่อออกเยอะ เช่น รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เมื่อต่อมเหงื่อทำงานน้อยลง ผลิตเหงื่อได้น้อยลง กลิ่นตัวก็จะลดลงตามไปด้วย เมื่อกลิ่นตัวเกิดจากเหงื่อ การฉีดโบท็อกเพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อจึงเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด
ข้อดีของการฉีดโบท็อกลดกลิ่นตัว
- ลดปัญหากลิ่นตัวได้อย่างตรงจุด
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- หลังจากฉีดโบท็อกสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ปัญหากลิ่นตัว เป็นเรื่องใหญ่ใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะส่งผลให้เราเสียความมั่นใจแล้ว กลิ่นยังไปรบกวนผู้คนรอบข้างด้วย ดังนั้นเมื่อทราบถึงสาเหตุแล้วว่ากลิ่นตัวเกิดจากอะไร มีวิธีการรักษาอย่างไรแล้ว ควรเร่งแก้ไข โดยนำวิธีที่เราแนะนำไปปรับใช้ แต่ถ้าใครอยากเห็นผลแบบเร่งด่วน การฉีดโบท็อกลดกลิ่นตัวก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยควรเริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน แพทย์มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด