หลุมสิว ปัญหาผิวที่ไม่มีใครอยากเป็น เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนแล้ว ยังเป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาในการรักษา เพื่อฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมสิวให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดังเดิมอีกด้วย ซึ่งก่อนที่ Atita Clinic จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวิธีรักษาหลุมสิวด้วยตัวเอง และวิธีรักษาหลุมสิวทางการแพทย์ เราก็จะขอพาคุณมาทำความรู้จักกับสาเหตุของการเกิดหลุมสิว รวมถึงระดับความรุนแรงของหลุมสิวแต่ละประเภทให้เข้าใจกันเสียก่อน เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีรักษาได้อย่างเห็นผลและตอบโจทย์กับปัญหาที่เจอ ใครเจอปัญหาหลุมสิวอยู่ต้องติดตามให้จบ!
ทำความเข้าใจหลุมสิวก่อนหาวิธีรักษาหลุมสิวด้วยตัวเอง
Table of Contents
1. หลุมสิวเกิดจากอะไร?
หลุมสิว (Atrophic Acne Scars) คือแผลเป็นจากสิวที่มีลักษณะเป็นหลุมยุบตัวกว่าระดับของผิวหนัง ที่เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังที่ไม่สมบูรณ์หลังจากเกิดปัญหาสิวอักเสบ เช่น สิวอักเสบรุนแรง, สิวอุดตัน, สิวหัวหนอง และสิวหัวช้าง เป็นต้น ซึ่งโดยปกติแล้วหลังจากสิวหายร่างกายจะสร้างคอลลาเจนบริเวณที่เกิดสิวภายใน 7-10 วัน แต่หากร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนได้เพียงพอต่อปริมาณคอลลาเจนที่ถูกทำลายไป ก็จะทำให้เนื้อเยื่อหดรัดตัว จนเกิดรอยแผลเป็นและหลุมสิวตามมา นอกจากนี้หากในระหว่างที่เป็นสิว มีการแกะ บีบ หรือดึงสิวออก ก็จะทำให้เกิดหลุมสิวที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นหากไม่อยากให้เกิดหลุมสิวขึ้นบนใบหน้า ก็ไม่ควรแกะ แคะ หรือบีบสิว เพราะนอกจากจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้เกิดหลุมสิว และรอยสิวในอนาคตได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังควรทานอาหารที่มีวิตามินซี เพื่อกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนในร่างกายที่ช่วยลดการเกิดหลุมสิวให้ทำงานได้ดีขึ้น
2. หลุมสิวมีกี่แบบ?
- Rolling Scar เป็นหลุมสิวที่มีความรุนแรงระดับทั่วไป โดยจะมีลักษณะเป็นหลุมตื้น ๆ อยู่บริเวณผิวส่วนบนเท่านั้น ซึ่งสามารถรักษาหลุมด้วยตัวเองโดยการทายาเพื่อเติมเต็มเนื้อผิวได้
- Boxcar Scar เป็นหลุมสิวที่มีความรุนแรงระดับปานกลาง โดยจะมีลักษณะเป็นบ่อลึกลงไปในระดับชั้นผิวประมาณ 3-5 มิลลิเมตร มีขนาดกว้าง และสามารถเห็นขอบหลุมได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังอาจพบพังผืดเกาะในชั้นหนังแท้ร่วมด้วย ซึ่งสามารถรักษาด้วยการทายาควบคู่ไปกับการรักษาทางการแพทย์
- Ice-Pick Scar เป็นหลุมสิวที่มีความรุนแรงมาก เกิดจากการกดหรือบีบสิวอุดตันจนสิวกินเนื้อไปจนถึงชั้นรูขุมขน และทำลายผิวไปจนถึงชั้นหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนที่ช่วยลดรอบแผลหายไปด้วย ซึ่งหลุมสิวประเภทนี้ ต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน และต้องรักษาควบคู่หลายวิธี
วิธีรักษาหลุมสิวด้วยตัวเอง (การเลือกวิธีรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหลุมสิว หรือความรวดเร็วของผลลัพธ์)
• วิธีรักษาหลุมสิวด้วยตัวเอง
การทายาสำหรับแก้หลุมสิว เป็นวิธีรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองที่เหมาะกับรอยสิวระดับ Rolling Scar และ Boxcar Scar โดยจะเป็นการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอ่อน ๆ เช่น Lactic Acid, Alpha Hydroxy Acids เพื่อลอกผิวชั้นตื้น ๆ และทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนเสมอกันมากขึ้น รวมถึงการใช้ยาในกลุ่ม retinoids ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว และการสร้างคอลลาเจน
สำหรับวิธีรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองอย่างการทายา จะต้องใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นผล ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังไม่เทียบเท่ากับการรักษาหลุมสิวด้วยเทคนิคทางการแพทย์ เนื่องจากยาทาไม่สามารถฟื้นบำรุงได้ลึกมากพอที่จะรักษาหลุมสิวนั่นเอง
• วิธีรักษาหลุมสิวด้วยเทคนิคทางการแพทย์
การรักษาหลุมสิวด้วยเทคนิคทางการแพทย์ เป็นวิธีรักษาหลุมสิวที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่เป็นหลุมสิวระดับปานกลางไปจนถึงระดับรุนแรง เนื่องจากเทคนิคที่นำมาใช้ในการรักษา มักจะช่วยฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมสิวให้กลับมาสมบูรณ์ประมาณ 50-70% ต่างจากการรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองที่ฟื้นฟูหลุมสิวได้เพียงแค่ 30-50% เท่านั้น นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีวิธีรักษาหลุมสิวหลากหลายวิธีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น
- การรักษาหลุมสิวด้วยพิโค่เลเซอร์ เป็นวิธีรักษาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน โดยเลเซอร์จะเข้าไปผลัดเซลล์ผิวเก่า พร้อมกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวและคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้ผิวชั้นบนดูเรียบเนียน หลุมสิวดูตื้นขึ้น และยังช่วยลดปัญหารูขุมขนกว้างได้อีกด้วย
- การรักษาด้วยการฉีดเมโสหลุมสิว เป็นการฉีดตัวยาเมโสที่มีสารสกัดต่าง ๆ เช่น คอลลาเจน, โคเอนไซม์, กลูต้าไธโอน, ทรานซามิน และวิตามินที่ช่วยลดรอยดำบนใบหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ เหมาะกับหลุมสิวที่มีความรุนแรงระดับปานกลาง
- การรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เป็นการรักษาหลุมสิวแบบเร่งด่วน โดยจะเป็นการฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าไปบริเวณที่เป็นหลุมสิว เพื่อเติมเต็มให้หลุมดูตื้นขึ้น เหมาะกับผู้ที่เป็นหลุมสิวระดับทั่วไปถึงปานกลาง ซึ่งหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ จะเห็นผลประมาณ 70% ในทันที ไม่ว่าจะเป็นผิวกระชับ ดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น และชุ่มชื้นอิ่มน้ำ