ไขข้อสงสัยหน้ามันเกิดจากอะไร

หน้ามันเป็นปัญหาผิวที่หลายคนประสบ เกิดจากการที่ต่อมไขมันใต้ผิวหน้าผลิตน้ำมันหรือซีบัม (Sebum) ออกมามากเกินความจำเป็น ส่งผลให้ใบหน้ามีความมันวาว รูขุมขนกว้าง และมีโอกาสเกิดการอักเสบหรือเป็นสิวได้ง่าย สาเหตุของการเกิดหน้ามันมีหลายประการดังนี้

1. กรรมพันธุ์ 

กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลักของการเกิดหน้ามันที่พบได้มากกว่าร้อยละ 90 ความมันบนใบหน้าสามารถถ่ายทอดได้จากรุ่นสู่รุ่น หากคนในครอบครัว พ่อแม่ หรือญาติมีปัญหาผิวหน้ามัน ก็มีโอกาสสูงที่ลูกหลานจะมีผิวหน้ามันเช่นกัน เพราะพันธุกรรมเป็นตัวกำหนดสภาพผิวโดยรวม การทำงานของต่อมไขมัน ปริมาณน้ำมันที่ผลิตออกมา รวมถึงการตอบสนองของต่อมไขมันต่อการกระตุ้นของฮอร์โมนและสิ่งเร้าอื่น ๆ

2. ต่อมไขมันใต้ผิวหน้า (Sebaceous Glands) ทำงานผิดปกติ 

ต่อมไขมันใต้ผิวหน้า (Sebaceous Glands) ทำงานผิดปกติ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ซึ่งจริง ๆ แล้วผิวหน้าที่มันก็อาจเกิดจากผิวหน้าที่ขาดความชุ่มชื้นได้ โดยร่างกายจะผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันเพื่อมาเสริมความชุ่มชื้นบนใบหน้าตามกลไกธรรมชาติ แต่อาจสร้างออกมามากจนเกินไป จึงเป็นสาเหตุให้ผิวหน้ามันได้เช่นกัน

3. ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน  และฮอร์โมนเอสโตรเจน สูงขึ้นกว่าปกติ 

ฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีระดับสูงขึ้นกว่าปกติ มีผลไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน นอกจากนี้ฮอร์โมนเพศชายหรือแอนโดรเจน (Androgen) โดยเฉพาะฮอร์โมน Dihydrotestosterone (DHT) ก็มีผลกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันเช่นกัน ทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น สาเหตุนี้จะพบได้มากในวัยรุ่น หรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว

4. สภาพอากาศในแต่ละวัน 

สภาพอากาศมีผลต่อการเกิดหน้ามันอย่างมาก โดยเฉพาะอากาศที่ร้อนหรือมีความชื้นสูง ทำให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น คนที่อยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น มักจะมีปัญหาหน้ามันมากกว่าคนที่อยู่ในอากาศเย็นและแห้ง นอกจากนี้การเจอฝุ่นควัน หรืออากาศที่ทำให้ผิวแห้ง ต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติเพื่อปรับสมดุลของอุณหภูมิในร่างกาย จึงทำให้ผิวหน้ามันได้

5. การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง

อาหารที่เรารับประทานมีผลโดยตรงต่อสภาพผิว การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด ของมัน หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลินมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตไขมัน ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมวัว ชีส เนย ก็มีผลต่อการกระตุ้นฮอร์โมนบางชนิดที่ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาหน้ามันและสิวตามมาได้

6. การใช้ครีมบำรุง เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่ถูกกับสภาพผิว 

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดหน้ามัน โดยเฉพาะการใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของน้ำมันเป็นหลัก (Oil base) หรือครีมที่มีเนื้อครีมหนาเกินไป จะทำให้ผิวหน้ามีความมันเพิ่มขึ้น อีกทั้งการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรงเกินไปก็ทำให้ผิวแห้งลง ร่างกายจึงต้องผลิตน้ำมันออกมาทดแทนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้หน้ามันมากกว่าเดิม การล้างหน้าบ่อยเกินไป (มากกว่า 2 ครั้งต่อวัน) หรือการสครับผิวบ่อยจนเกินไปก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและหน้ามันได้

7. รูขุมขนกว้างกว่าปกติ 

คนที่มีรูขุมขนกว้างมักจะมีปัญหาผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าคนที่มีรูขุมขนเล็ก นอกจากนี้ เมื่อรูขุมขนกว้าง น้ำมันจากต่อมไขมันก็สามารถไหลออกมาสู่ผิวหน้าได้ง่ายกว่า ส่งผลให้ใบหน้ามีความมันและดูเงาวาวมากกว่าปกติ ทั้งนี้ รูขุมขนกว้างอาจเป็นผลมาจากพันธุกรรม อายุที่เพิ่มขึ้น หรือการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น ไม่ล้างหน้าให้สะอาด ทำให้มีการสะสมของความมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนขยายกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัญหาที่พบบ่อยของคนหน้ามัน

• ความมันส่วนเกินบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก และคาง)
• รูขุมขนกว้างและเห็นได้ชัดเจน
• เกิดสิวง่าย ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ
• ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ขาดความสดใส
• เครื่องสำอางไม่ติดทนนาน หลุดลอกเร็ว
• มีความมันกลับมาเร็วหลังล้างหน้า ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
• อาจมีตุ่มไขมันหรือต่อมไขมันโตผิดปกติ
• ผิวอาจมีกลิ่นเหม็นจากแบคทีเรียที่เพิ่มจำนวนหลังจากหน้ามัน

หน้ามันเป็นต้นเหตุของสิวรึเปล่า

รู้กันไปแล้วว่าหน้ามันเกิดจากอะไร? และอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนอยากรู้นั่นก็คือ หน้ามันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวหรือไม่ คำตอบคือเกินกว่า 90% ในกลุ่มผู้ที่มีผิวหน้ามัน มักจะเกิดสิวบ่อยกว่าสภาพผิวชนิดอื่น ๆ มีเพียง 10% เท่านั้นที่ไม่มีปัญหาสิวร่วมด้วย เพราะผู้ที่มีผิวหน้ามัน รูขุมขนจะอุดตันด้วยความมัน และสิ่งสกปรกได้ง่าย ทำให้เกิดเป็นสิว เนื่องจากสิ่งสกปรกเหล่านี้จะเป็นอาหารชั้นดีให้กับเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวนั่นเอง

ซึ่งสิวที่เกิดจากผิวหน้ามันก็มีหลายชนิดทั้ง สิวอักเสบ, สิวเสี้ยน, สิวข้าวสาร บางรายอาจมีสภาพผิวมันในส่วน T-zone คือ จากระหว่างคิ้วถึงปลายจมูก บางรายมันบริเวณช่วงแก้มมากกว่าจุดอื่น ๆ เป็นต้น การที่เรารู้สาเหตุว่า หน้ามันเกิดจากอะไร? จะทำให้เราสังเกตผิวหน้าได้ง่าย อีกทั้งช่วยให้เราเลือกป้องกันและรักษาได้อย่างถูกวิธี

วิธีรักษาหน้ามัน

1. Ulthera SPT

Ulthera SPT เป็นเทคโนโลยีอัลตร้าซาวด์ที่ช่วยยกกระชับผิว และลดปัญหาหน้ามันได้ด้วย กระบวนการทำงานของอัลเทอร่าคือการส่งคลื่นความร้อนลงไปในชั้นผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันลง ส่งผลให้ผิวหน้ามีความมันลดลง รูขุมขนกระชับ และผิวเรียบเนียนขึ้น

2. Hifu

Hifu (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์พลังงานสูงที่มุ่งเน้นไปยังชั้นผิวที่ต้องการ เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันและกระชับรูขุมขนได้ โดยคลื่นอัลตร้าซาวด์จะส่งความร้อนไปยังจุดเล็ก ๆ ในชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ รูขุมขนเล็กลง และลดความมันบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือการทำทรีตเมนต์บำรุงผิวด้วยการฉีดสารสกัดจากคอลลาเจน วิตามิน แร่ธาตุ เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง ทำให้หน้ามันลดลง รูขุมขนเล็กลง ใบหน้าดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น เมโสหน้าใสมีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล

4. ฉีด Rejuran

Rejuran เป็นการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวด้วยการฉีดสารโพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) ความเข้มข้น 2% ที่สกัดจาก DNA ปลาแซลมอน สารนี้มีความคล้ายคลึงกับ DNA มนุษย์ จึงสามารถช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวดูโกลว์ ฉ่ำวาว เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ และลดความมันบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ได้อีกด้วย

5. ฉีดวิตามินผิว

การฉีดวิตามินผิวเป็นการนำวิตามินหลากหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินบี รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระและคอลลาเจน ฉีดเข้าไปในผิวหรือเส้นเลือดโดยตรง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง เพิ่มการสร้างคอลลาเจน เสริมความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส ลดความมัน และช่วยปรับสมดุลการทำงานของต่อมไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน

6. ฉีดโบท็อก

การฉีดโบท็อกรูขุมขน หรือโบท็อกหน้าใส เป็นวิธีการลดความมันบนใบหน้าที่ได้ผลดี โดยแพทย์จะทำการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) ไปยังกล้ามเนื้อบริเวณต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันหดตัวลง ผลิตน้ำมันน้อยลง รูขุมขนกว้างมีขนาดเล็กลง ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น และหน้ามันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผลการรักษาสามารถเห็นได้ใน 2-3 วันหลังฉีด และคงอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน

7. ฟิลเลอร์งานผิว

ฟิลเลอร์งานผิว เช่น Belotero Revive เป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) ผสมกับกลีเซอรอล เข้าไปในชั้นผิว ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และมีสุขภาพดี เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นที่เพียงพอ การผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันก็จะลดลง ทำให้ปัญหาหน้ามันลดลงไปด้วย ฟิลเลอร์งานผิวจึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ จนทำให้เกิดปัญหาหน้ามัน

วิธีป้องกันหน้ามัน

รู้สาเหตุของการมีปัญหาหน้ามันเกิดจากอะไร? แล้ว ก็ควรต้องปรับพฤติกรรม เพื่อลดความมันบนใบหน้ากันด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้หน้ามัน กลายเป็นปัญหาลุกลามที่ทำร้ายผิวเราและทำให้เราสูญเสียความมั่นใจได้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าผิวมัน เป็นหนึ่งปัจจัยหลักที่ให้เกิดสิวได้ ซึ่งการเป็นสิวก็มักจะทิ้งร่องรอยแผลเป็นจากการเป็นสิวด้วยเสมอ ซึ่งรักษาได้ยากยิ่งขึ้นอีก ดังนั้นการป้องกันหรือลดสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหน้ามันในทุก ๆ วัน จะช่วยลดความมันของใบหน้าและช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ เรามีวิธีง่าย ๆ มาแนะนำ ดังนี้

1. ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับผิวมันโดยเฉพาะ

ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับผิวมันโดยเฉพาะ จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินบนใบหน้าได้มากกว่าผลิตภัณฑ์สำหรับผิวธรรมดา และหากคุณทาครีมกันแดดหรือแต่งหน้า ต้องล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์จนสะอาดหมดจดก่อนล้างหน้าทุกครั้ง

2. บำรุงผิวเป็นประจำ

บำรุงผิวด้วยเดย์ครีม ไนท์ครีมและครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวมัน และควรทาเป็นประจำทุกวันเพื่อการปกป้องผิวหน้าจากมลภาวะต่าง ๆ ที่มาทำร้ายผิว

3. เลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว

ควรเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว ไม่ควรเน้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ผสมน้ำมันเยอะเกินไป เพราะอาจจะทำให้ใบหน้ารู้สึกเหนอะหนะ หรือควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุว่า Non-comedogenic ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการอุดตันผิว

4. ปกป้องตัวเองจากแสงแดด

ในระหว่างวันหากต้องผจญกับแสงแดด นอกจากทาครีมกันแล้ว ยังควรมีอุปกรณ์ป้องกัน อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกางร่ม หรือการใส่หมวก เพื่อไม่ให้แสงแดดกระทบกับผิวหน้ามากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้ง่าย หรือบางรายที่มีปัญหาทั้งผิวมัน ผิวบอบบางหรือแพ้แสง ก็อาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการ อื่น ๆ เช่น ฝ้า กระ หรือเกิดอาการผิวแพ้แดดขึ้นได้

5. พกกระดาษซับมันติดตัวไว้

ควรพกกระดาษซับมันติดตัวไว้ เวลาที่รู้สึกว่าหน้ามันให้ซับเบา ๆ ได้ เน้นย้ำว่าแค่ซับเบา ๆ จะไม่ใช้การถูเช็ด เพราะจะทำให้มีรูขุนขนกว้างยิ่งขึ้น และทำให้ผิวมันยิ่งกว่าเดิมได้ ไม่แนะนำให้ใช้ทิชชูเปียกเพราะหากเช็ดแล้วหน้าจะยิ่งแห้ง ต่อมน้ำมันใต้ผิวหนังก็จะผลิตน้ำมันขึ้นมาอีก แต่หากจำเป็นต้องใช้ ก็ควรเลือกทิชชูเปียกสำหรับทารก เพราะจะมีความอ่อนโยนสูง

6. ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน เช่น อาหารทอด อาหารที่มีไขมันสูง ขนมหวาน อาหารแปรรูป น้ำตาล และผลิตภัณฑ์จากนม แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ธัญพืชไม่ขัดสี และอาหารที่มีโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยต้านการอักเสบ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยชะล้างสารพิษและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพียงเท่านี้จะช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรง ลดความมัน และมีสุขภาพดีในระยะยาว

สรุปเกี่ยวกับหน้ามันเกิดจากอะไร

ใบหน้ามัน ต้นเหตุของการเกิดสิว ฝ้าและปัญหาผิวพรรณหลายรูปแบบ รู้สาเหตุของหน้ามันเกิดจากอะไร? กันอย่างละเอียดแล้ว ก็อย่าลืมดูแลผิวหน้าตามคำแนะนำของเรา หรือปรึกษากับ อทิตาคลินิก เพื่อที่จะได้ช่วยดูแลปัญหาผิวหน้ามันของคุณได้อย่างถูกวิธี เพราะบางคนปัญหาที่พบนี้ การดูแลป้องกันด้วยตัวเองอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะสยบปัญหาสิวได้ อทิตาคลินิกเรามีแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ พร้อมช่วยลดปัญหาผิวหน้ามันของคุณ และคืนความสวยกระจ่างใสไร้ความมัน และรอยสิวที่มากวนใจได้อย่างแน่นอน