ริมฝีปากเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่มีความสำคัญ สามารถบ่งบอกถึงความมีสุขภาพที่ดี และเสริมให้มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากขึ้นด้วย แต่ปัญหาที่น่ากลุ้มใจ ที่สามารถพบได้ทั่วๆ ไปไม่เพียงแต่เฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น คือ อาการปากแห้งลอก อาจมีอาการปากแตกจนเจ็บ ตกสะเก็ด ทาลิปสติกแล้วก็ไม่เรียบเนียน เกิดคราบ ตกร่อง และอาจมีเลือดออก วันนี้เรามีวิธีดูแลรักษาอย่างไรเพื่อให้มีริมฝีปากอิ่มเอิบ สุขภาพดีมาฝาก ตามมาดูกันเลย
Table of Contents
ปากแห้งลอกเกิดจากอะไร
อาการปากแห้งลอก ปากลอกเป็นขุย มีที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น
-
1. การดื่มน้ำน้อย
การดื่มน้ำไม่เพียงพอทำให้ร่างกายขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ริมฝีปากแห้งและลอกเป็นขุยได้ง่าย นอกจากนี้ การขาดน้ำยังทำให้ผิวพรรณโดยรวมขาดความยืดหยุ่นและเกิดอาการแห้งแตกตามมา ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้นของริมฝีปาก
-
2. สภาพอากาศที่แห้งและหนาว
อากาศที่เย็นและแห้งทำให้ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้นได้เร็ว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีลมแรงและความชื้นในอากาศต่ำ ส่งผลให้ริมฝีปากแห้ง แตก และลอกได้ง่าย ดังนั้น การปกป้องริมฝีปากจากอากาศเย็นจึงเป็นสิ่งจำเป็น
-
3. การขาดวิตามิน
การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินเอ และวิตามินอี อาจทำให้ริมฝีปากแห้ง แตก และลอกเป็นขุยได้ วิตามินเหล่านี้ช่วยบำรุงผิวและเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิว ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีวิตามินเพียงพอจึงช่วยป้องกันอาการปากแห้งได้
-
4. เลียริมฝีปากบ่อย
การเลียริมฝีปากเป็นพฤติกรรมที่หลายคนทำเมื่อรู้สึกปากแห้ง แต่แท้จริงแล้วกลับทำให้ริมฝีปากยิ่งแห้งกว่าเดิม เพราะน้ำลายในปากมีเอนไซม์ที่สามารถทำลายความชุ่มชื้นของริมฝีปากได้ หากทำเป็นประจำอาจทำให้ริมฝีปากแห้งและลอกเป็นขุย
-
5. ภูมิแพ้
อาการแพ้ต่างๆ เช่น การแพ้อาหาร หรือแพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลริมฝีปาก อาจทำให้ริมฝีปากเกิดการระคายเคือง แห้ง ลอก หรือเป็นผื่นแดงได้ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปากลอกจากสาเหตุนี้
-
6 .อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของร่างกายจะลดลง ซึ่งส่งผลให้ริมฝีปากแห้งและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้น การดูแลริมฝีปากอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น จึงช่วยชะลอการเกิดปัญหานี้ได้
-
7. การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
บุหรี่และแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดความแห้งทั่วทั้งร่างกาย รวมถึงริมฝีปาก นอกจากนี้ สารเคมีในบุหรี่ยังทำให้ริมฝีปากคล้ำและแห้งแตกได้ง่าย ดังนั้นการลดหรือเลิกพฤติกรรมเหล่านี้จึงช่วยป้องกันปัญหาริมฝีปากลอก
-
8. แพ้ส่วนผสมผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับช่องปาก
ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น ลิปสติก ยาสีฟัน และน้ำยาบ้วนปาก อาจมีสารเคมีที่ทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองต่อริมฝีปาก เช่น สารกันเสียในลิปสติก สารฟองทำความสะอาดในยาสีฟัน หรือสารแต่งรสในน้ำยาบ้วนปาก หากใช้แล้วมีอาการปากแห้งลอก ควรลองเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
นอกจากนี้สภาวะขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินบี และสาเหตุอื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรมการบริโภค เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และโรคประจำตัว ก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลให้เรามีอาการปากแห้งลอกได้
ลักษณะของอาการปากแห้งลอก
- ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้นและรู้สึกแห้งตึง มีร่องแตกบริเวณริมฝีปาก บางครั้งอาจพบอาการหิวน้ำบ่อยร่วมด้วย
- ผิวที่ริมฝีปากมักลอกเป็นขุยหรือเป็นแผ่น และอาจมีอาการเจ็บที่มุมปากหรือบริเวณที่เกิดการลอก ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญและความไม่มั่นใจ
- ริมฝีปากไม่มีต่อมไขมันที่ช่วยสร้างน้ำมันเพื่อปกป้องผิวเหมือนผิวหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้เมื่อขาดการดูแลที่ดีจะเกิดอาการแห้งตึงได้ง่าย
- ในกรณีที่ปากแห้งลอกรุนแรง การบำรุงด้วยลิปมันทั่วไปอาจไม่เพียงพอที่จะให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากได้อย่างเต็มที่
ทำไมไม่ควรละเลยเมื่อเกิดอาการปากแห้งลอก
ปัญหาปากแห้งลอกนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดแผลที่ใหญ่ขึ้นบนริมฝีปากได้ เนื่องจากในบางคนเมื่อมีอาการปากลอกเป็นขุยหรือเป็นแผ่นแล้ว มักจะรำคาญความขรุขระนั้นอาจจะใช้ฟันกัดออกหรือใช้นิ้วลอกออก ซึ่งจะทำให้เกิดแผลเปิดมีเลือดไหล มีอาการเจ็บ นานวันเข้าอาจทำให้ปากเป็นร่องมากขึ้น ทำให้ดูแก่ก่อนวัย
ดังนั้นเราควรดูแลสุขภาพริมฝีปากให้ดีอยู่เสมอ เช่น ดื่มน้ำให้มากขึ้น เลิกพฤติกรรมเลียปาก หมั่นทาลิปมันที่ให้ความชุ่มชื้นกับริมฝีปาก หมั่นสครับริมฝีปาก ทานอาหารเสริม หรืออาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี เช่น ผักใบเขียว ข้าวกล้อง ถั่วเปลือกแข็ง และตับ จะช่วยฟื้นฟูการสร้างเนื้อเยื่อของร่างกายได้
การรับประทานอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง เช่น ไข่ กระเทียม ช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้น ซึ่งวิธีข้างต้นเราอาจต้องใช้เวลา และใช้การดูแลอย่างสม่ำถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน เราขอแนะนำวิธีการแก้ปัญหาปากลอกเป็นขุยที่เห็นผลรวดเร็ว และตรงจุด จะเป็นวิธีอะไรนั้นไปดูกันเลย
วิธีรักษาอาการปากลอก
หากริมฝีปากลอกและแห้ง ควรรีบดูแลรักษาเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กลับมา การดูแลริมฝีปากให้ชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะริมฝีปากไม่มีต่อมไขมันเหมือนผิวส่วนอื่นๆ จึงแห้งง่ายกว่าปกติ
1. ดื่มน้ำให้มากขึ้น
การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันช่วยให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้น และช่วยให้ริมฝีปากไม่แห้งแตก ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอและป้องกันภาวะขาดน้ำ
2. บำรุงปากด้วยลิปมัน หรือบาล์ม
การใช้ลิปบาล์มหรือลิปมันที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เช่น เชียบัตเตอร์ น้ำมันมะพร้าว หรือว่านหางจระเข้ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำจากริมฝีปากได้ดี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
3. แก้ไขปากแห้งลอกด้วยฟิลเลอร์
วิธีแก้ไขปัญหาปากแห้งลอกด้วยการฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่นิยมมากขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นผลได้เร็ว และยังช่วยปรับรูปทรงปาก ช่วยแก้ปัญหาปากแห้งลอก เป็นร่อง ให้สวย อวบอิ่ม ชุ่มชื้นดูอ่อนเยาว์ขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่มีอยู่แล้วในร่างกาย แต่เมื่อเราอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป ร่างการเราจะมีการสร้างสารให้ความชุ่มชื้นนี้ลดลง
ดังนั้นหัตถการนี้ จะช่วยเติมเต็มสารให้ความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากเราได้อย่างปลอดภัย สะดวก ทำได้ง่าย ช่วยแก้ปัญหาปากแห้งลอกได้ดี และที่สำคัญยังช่วยปรับรูปริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม ฉ่ำวาว ตามเทรนด์ริมฝีปากสายฝอได้อีกด้วย ฟิลเลอร์แท้สามารถสลายได้เอง 100% โดยไม่ตกค้าง และคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี การเติมฟิลเลอร์ปากนั้นใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่มาก ส่วนมากไม่เกิน 1 cc แต่ได้ผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อแก้ปัญหาปากแห้งลอกนั้น ควรรับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น เพื่อเลือกชนิดของฟิลเลอร์และวิธีฉีดได้เหมาะกับคนไข้ในแต่ละเคส
ในกรณีที่คนไข้เคยผ่านการผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด เนื่องจากอาจจะมีเส้นเลือดบางส่วนของคนไข้จะมีรอยแผลที่เป็นผังผืด ทำให้แพทย์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการฉีดฟิลเลอร์ปากมากขึ้น เพื่อให้ผลออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ และปลอดภัย
วิธีการดูแลตัวเอง ไม่ให้ปากลอก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปากบ่อยๆ
- ใช้ลิปบาล์มหรือลิปมันที่มีสารให้ความชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงอากาศที่แห้งหรือเย็นจัด และปกป้องริมฝีปากด้วยผ้าพันคอหากอยู่ในสภาพอากาศหนาว
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินบำรุงผิว เช่น วิตามินบีและวิตามินอี
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากที่ปราศจากสารระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกที่มีสารกันเสียหรือสารแต่งกลิ่นมากเกินไป
- ทาครีมหรือน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากก่อนนอน
สรุปบทความ
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้เลยว่าอาการปากลอกเป็นขุยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย เนื่องจากริมฝีปากเป็นอวัยวะบนใบหน้าที่ช่วยเสริมความน่ามอง สะท้อนถึงสุขภาพ และมีผลทำให้เราดูอ่อนเยาว์ หรือดูแก่ก่อนวัยได้ อีกทั้งถ้าเราละเลยกับอาการปากแห้งลอกอาจทำให้เกิดแผลเลือดออก และก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในรอยยิ้มตามมาได้
ซึ่งวิธีรักษาปากแห้งลอกนั้นมีหลากหลายวิธี วิธีที่เห็นผลอย่างรวดเร็ว ปลอดภัยนั้น เราขอแนะนำให้ใช้การฉีดฟิลเลอร์ปากที่ อทิตาคลินิก หรือติดต่อสอบถามได้ที่ 094-324-4442 เป็นคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ ดูแลและทำหัตถการโดยแพทย์ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากนอกจากช่วยแก้ปัญหาปากแห้งลอกแล้ว คนไข้ยังสามารถแจ้งเพื่อปรับรูปปากให้ตรงกับความต้องการได้อีกด้วย