แผลเป็น เป็นสิ่งที่ทำให้สาว ๆ รู้สึกไม่มั่นใจในการแต่งตัว ยิ่งถ้าเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ หรือนูนขึ้นมาและอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นได้ชัดอย่าง หลัง แขน หรือไหล่ ก็จะต้องพยายามหาเสื้อผ้าที่สามารถปิดรอยแผลเป็นเหล่านี้ได้ ซึ่งนอกจากรอยแผลเป็นเหล่านี้จะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจแล้ว ยังสร้างความรำคาญใจจากอาการคันที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย
แน่นอนว่าเมื่อรอยแผลเป็นที่อยู่บริเวณต่าง ๆ สร้างความรำคาญใจให้กับสาว ๆ ได้ขนาดนี้ Atita Clinic ก็ไม่พลาดที่จะรวบรวมวิธีลบรอยแผลเป็นที่เหมาะกับลักษณะของแผลเป็นแต่ละรูปแบบ พร้อมพฤติกรรมที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นมาแนะนำกัน สาว ๆ ที่อยากมีผิวสวย เรียบเนียน ไร้รอยแผลเป็นต้องห้ามพลาด!
วิธีลบรอยแผลเป็นได้อย่างเห็นผล
Table of Contents
1. ครีมทารอยแผลเป็น
เป็นการทายาที่มีส่วนผสมสำหรับลบรอยแผลเป็น เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์, ยาที่มีส่วนประกอบของวิตามิน E หรือวิตามิน A เป็นต้น โดยวิธีนี้จะเหมาะกับการลบรอยแผลเป็น รอยดำที่ไม่รุนแรงมาก นอกจากนี้ยังต้องมีวินัยและความสม่ำเสมอในการทายาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์มากที่สุด
2. พิโค่เลเซอร์ (Pico Laser)
พิโค่เลเซอร์ เป็นวิธีลบรอยแผลเป็นโดยการยิงพลังงาน Picosecond Laser ลงไปบริเวณรอยแผล เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์คอลลาเจนใหม่ ทำให้โครงสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเกิดการเรียงตัวใหม่อย่างแข็งแรงและอยู่ในปริมาณที่พอดีกับผิวส่วนอื่น ๆ ส่งผลให้รอยแผลเป็นนูนดูแบนลง และมีสีที่สม่ำเสมอกับผิวบริเวณใกล้เคียง ซึ่งการเลเซอร์ลบรอยแผลเป็นเหมาะกับผู้ที่เป็นรอยแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์, รอยแผลเป็นที่เป็นหลุมลึก, รอยแผลเป็นจากการศัลยกรรมหรือผ่าตัด, รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ, หลุมสิว และรอยดำรอยแดงจากสิว เป็นต้น
3. ผ่าตัดรอยแผลเป็น
เป็นการลบรอยแผลเป็นโดยการผ่าตัดแผลเป็นออกทั้งหมดแล้วเย็บใหม่ โดยอาจจะใช้ร่วมกับวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การฉายแสง การฉีดสเตียรอยด์ เป็นต้น เหมาะกับรอยแผลเป็นที่เป็นหลุม รอยแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์ ซึ่งวิธีนี้จะต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และยังมีความเสี่ยงจากการผ่าตัดที่อาจเกิดแผลเป็นใหม่ขึ้นมาแทนที่รอยแผลเป็นเดิมได้อีกด้วย
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากมีแผลเป็น
- งดการแกะ หรือเกาแผล เพราะนอกจากจะทำให้เสี่ยงต่อที่แผลจะอักเสบและติดเชื้อแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นอีกด้วย
- ไม่ควรปล่อยให้แผลแห้งตึง ดูแลแผลด้วยการทาโลชั่นให้แผลชุ่มชื้นอยู่ตลอด เนื่องจากแผลที่แห้งตึงจะมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้มากกว่า
- ไม่ทาครีมลดรอยแผลเป็นในช่วงแรก เพราะการทาครีมลดรอยแผลเป็นในช่วงแรกที่เกิดแผล จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นในอนาคตได้
- ควรทานวิตามินซีเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ในการเสริมสร้างเนื้อเยื่อโปรตีนสำคัญที่ทำให้แผลสมานเร็วขึ้น
- ควรทานอาหารกลุ่มธาตุเหล็กและสังกะสี โดยธาตุเหล็กจะทำหน้าที่ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงบริเวณบาดแผล ทำให้แผลสมานเร็วขึ้น ส่วนสังกะสีจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในการผลิตเซลล์ผิวใหม่ และดูดซึมโปรตีนมาซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น