โบท็อกเกาหลี เป็นโบท็อกที่ผลิตจากประเทศเกาหลี ซึ่งสาว ๆ หลายคนมักจะเลือกใช้ เนื่องจากมีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับโบท็อกอเมริกา และมียี่ห้อที่ผ่านการรับรองอย. อย่างถูกต้องให้เลือกถึง 3 ยี่ห้อ แน่นอนว่าสาว ๆ ก็คงจะเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า แล้วแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง แล้วมีความแตกต่างจากโบท็อกประเทศอื่นอย่างไร ในบทความนี้ Atita Clinic ได้รวบรวมมาให้คุณแล้ว ใครที่คิดว่าจะฉีดโบท็อกเกาหลี ต้องไปติดตามต่อให้จบ!
โบท็อกเกาหลีคืออะไร
Table of Contents
โบท็อกเกาหลี คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ที่เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ซึ่งผลิตจากประเทศเกาหลี และได้รับความนิยมจากสาว ๆ มาอย่างยาวนาน ซึ่งมีความบริสุทธิ์ของสารตั้งแต่ 98-99% นอกจากนี้ตัวยายังมีการกระจายตัวแคบ ทำให้สามารถควบคุมการฉีดได้ตรงจุดและแม่นยำ
โดยคุณสมบัติของโบท็อกเกาหลี จะสามารถปรับรูปหน้า และกรอบหน้าให้ดูคมชัดมากยิ่งขึ้น พร้อมลดเลือนริ้วรอย และรอยย่นบริเวณหางตา หน้าผาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวดูเต่งตึง รูขุมขนดูตื้นขึ้น
โบท็อกเกาหลีมีแบรนด์อะไรบ้าง
ในปัจจุบันมีแบรนด์โบท็อกเกาหลีให้เลือกมากมายถึง 3 แบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่น และจุดด้อยแตกต่างกันไป ดังนี้
Nabota
เริ่มต้นกันที่ Nabota โบท็อกจากประเทศเกาหลีที่คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical มายาวนานกว่า 30 ปี โดยมีจุดเด่นคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตอย่าง Hi-Pure Technology ที่ทำให้ได้สารที่มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ซึ่ง Nabota เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองมาตรฐาน USFDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) และได้รับการรับรองจาก ThaiFDA (องค์การอาหารและยาประเทศไทย) นอกจากนี้จุดเด่นที่สำคัญอีกข้อหนึ่งของ Nabota ก็คือ สามารถออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้อย่างรวดเร็ว
จุดเด่นของ Nabota
- ใช้เทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ Hi-Pure Technology ทำให้มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7%
- ออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้อย่างรวดเร็ว
- มีงานวิจัยรับรองมาตรฐานจาก USFDA และ ThaiFDA
จุดด้อยของ Nabota
- มีอายุการออกฤทธิ์ค่อนข้างสั้นกว่าโบท็อกแบรนด์อื่น ๆ โดยจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ
Aestox
มาต่อกันที่โบท็อกเกาหลีที่สามารถการันตีความเสถียรของตัวยาได้ทุกขวด เนื่องจากผ่านการวิจัย ค้นคว้า และทดลองจากสถาบันมาตรฐานระดับสากลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงมีการทำการวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก KFDA (องค์การอาหารและยาประเทศเกาหลีใต้) และ ThaiFDA (องค์การอาหารและยาประเทศไทย) โดยตัวยาของ Aestox มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% ทำให้เกิดโอกาสที่จะดื้อยาได้น้อยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับโบท็อกจากอเมริกา แต่มีอายุการออกฤทธิ์ที่สั้นกว่า
จุดเด่นของ Aestox
- สารโบท็อกมีความเสถียรทุกขวด และมีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5%
- ออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้อย่างรวดเร็ว
- โอกาสดื้อยาน้อย และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงมีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับโบท็อกอเมริกา
- มีงานวิจัยรับรองมาตรฐานจาก KFDA และ ThaiFDA
- มีงานวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี
จุดด้อยของ Aestox
- มีอายุการออกฤทธิ์ค่อนข้างสั้นกว่าโบท็อกแบรนด์อื่น ๆ โดยจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ
Botulax
และก็มาถึงโบท็อกเกาหลีแบรนด์สุดท้าย ซึ่งเป็นโบท็อกที่ใช้งานกันมายาวนานกว่า 10 ปี และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก KFDA (องค์การอาหารและยาประเทศเกาหลีใต้) โดย Botulax เป็นโบท็อกที่พยายามพัฒนาคุณสมบัติให้เทียบเท่ากับโบท็อกอเมริกาอย่าง Allergan โดยมีจุดเด่นคือความอ่อนโยนและความบริสุทธิ์ถึง 98.5% ทำให้เกิดโอกาสที่จะดื้อยาได้น้อยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
จุดเด่นของ Aestox
- สารโบท็อกมีความบริสุทธิ์มากถึง 98.5%
- ออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้อย่างรวดเร็ว
- โอกาสดื้อยาน้อย และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- มีงานวิจัยรับรองมาตรฐานจาก KFDA
จุดด้อยของ Aestox
- มีอายุการออกฤทธิ์ค่อนข้างสั้นกว่าโบท็อกแบรนด์อื่น ๆ โดยจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ
โบท็อกเกาหลี VS โบท็อกอเมริกา (Allergan)
แม้ว่าโบท็อกเกาหลีและโบท็อกอเมริกา (Allergan) จะสามารถลดเลือนริ้วรอย รอยย่นบริเวณต่าง ๆ และปรับกรอบหน้าให้ดูเล็กลงได้เหมือนกัน แต่ก็ยังมีคุณสมบัติและระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันไป ดังนี้
โบท็อกเกาหลี
ข้อดี: มีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับโบท็อกอเมริกา (Allergan) และสามารถออกฤทธิ์ได้ไวกว่าเล็กน้อย
ข้อเสีย: มีระยะเวลาออกฤทธิ์สั้นกว่าโบท็อกอเมริกา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 เดือน หรืออาจยาวนานกว่านั้นเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพผิว บริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ
โบท็อกอเมริกา (Allergan)
ข้อดี: ถือเป็นต้นแบบของโบท็อกทั้งหมด โดยจะมีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% ทำให้มีโอกาสดื้อยาน้อย ตัวยากระจายแคบ รวมถึงสามารถควบคุมการฉีดได้ตรงจุดและแม่นยำ
ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าโบท็อกเกาหลี ทำให้คลินิกบางแห่งที่ไม่ได้มาตรฐาน ขายโบท็อกอเมริกาเป็นยูนิตถูก ๆ หรือขายแพงแต่ใช้ของปลอมมาฉีดให้คนไข้โดยไม่รู้ตัว
โบท็อกเกาหลีเหมาะกับใครบ้าง
โบท็อกเกาหลีสามารถฉีดเพื่อปรับรูปหน้าและแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้หลากหลายจุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขน ลดเรือนริ้วรอย และรอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม และรอยตีนกา รวมถึงช่วยลดกรอบหน้าให้ดูเรียวเล็กได้อีกด้วย นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติบริเวณรักแร้ และฝ่ามือก็สามารถฉีดได้เช่นกัน
ทั้งนี้ก่อนฉีดโบท็อกเกาหลี หรือแม้แต่โบท็อกประเทศอื่น ๆ คนไข้จะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ปลอดภัย และไม่เกิดอาการดื้อยา
Add Line เพื่อนัดหมาย หรือรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับคนที่อยากฉีดโบท็อกเกาหลี แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกโบท็อกเกาหลีแบรนด์ไหนดี ก็สามารถนำข้อมูลที่เรารวบรวมมาไปเปรียบเทียบกับความต้องการหรือปัญหาที่เจออยู่ เพื่อเลือกแบรนด์ที่ตอบโจทย์กับคุณได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมถึงควรตรวจสอบโบท็อกว่าเป็นของแท้และแกะกล่องใหม่ก่อนการฉีดหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการดื้อยา
และถ้าหากว่าคุณยังไม่มีคลินิกในใจ ก็สามารถเข้ามาสอบถามข้อมูลได้ที่ Atita Clinic หรือแอดไลน์เพื่อรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย