“หน้าแก่” คำพูดทำร้ายจิตใจที่ไม่มีใครอยากได้ยิน เพราะแม้ว่าผิวพรรณของเราจะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาและอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ก็มีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้ใบหน้าของเราเกิดริ้วรอย ใบหน้าหย่อนคล้อย และมีฝ้ากระ จนทำให้หน้าแก่ก่อนวัย ซึ่งในบทความนี้ Atita Clinic จะพาคุณมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำร้ายผิวพรรณของเรา รวมถึงหาวิธีดูแลและปกป้องผิวพรรณจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์บ้าง ไปดูกัน!
Table of Contents
5 สาเหตุของปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย
1. การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
หากพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด ที่จะเข้าไปทำลายสารต้านอนุมูลอิสระ และคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวให้ลดลง ซึ่งจะทำให้ผิวสูญเสียสารสำคัญไป และเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย รวมถึงปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา เช่น เป็นสิว มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร ผิวหมองคล้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ ในช่วงเวลากลางคืนยังเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งสาร Growth Hormone ออกมาเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออีกด้วย หากพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างเต็มที่ ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้หน้าแก่ก่อนวัย ก็ควรจะให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้เพียงพอ ในเวลาที่เหมาะสม
2. ความเครียด
นอกจากฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอแล้ว ฮอร์โมนนี้ยังหลั่งออกมาในขณะที่ร่างกายเกิดความเครียดอีกด้วย นอกจากนี้เมื่อเราเกิดความเครียด ก็อาจจะเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว และทำให้เกิดริ้วรอยบริเวณหัวคิ้ว หางตา หรือมุมปากตามมา ซึ่งการหดเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนั้นเป็นประจำ ยังเป็นการกระตุ้นให้ผิวสูญเสียอีลาสตินใต้ชั้นผิวก่อนวัยอันควรอีกด้วย
3. ทานของหวานเป็นประจำ
ความหวานเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย เพราะน้ำตาลเป็นตัวการสำคัญที่เข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น หน้ามันและเป็นสิวได้ง่าย ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้หน้าแก่ก่อนวัย สาว ๆ ก็ควรจะทานขนมหวานหรือน้ำหวานให้น้อยลงจะดีที่สุด
4. แสงแดด
แสงแดดเป็นปัจจัยที่ทำร้ายผิวของเราได้มากกว่าที่คิด เพราะแสงแดดจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นใต้ผิว ทำให้ผิวของเราดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย รวมถึงฝ้ากระบนใบหน้าอีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน และให้ความสำคัญกับการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ โดยครีมกันแดดที่เลือกใช้จะต้องสามารถปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB ได้
5. สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ในบุหรี่มีสารที่ชื่อว่า นิโคติน ซึ่งเป็นตัวทำลายสุขภาพ และทำให้หน้าแก่ก่อนวัยอันควรอีกด้วย เช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะเข้าไปทำให้ผิวหน้าดูแห้งกร้าน ดูไม่สดใส
6. แต่งหน้าหนัก ไม่ค่อยได้พักผิว
ปัจจุบันหลายคนให้ความสำคัญกับการแต่งหน้า แต่การแต่งหน้าหนักเป็นประจำโดยไม่ให้ผิวได้พักผ่อน ส่งผลให้ผิวเสื่อมลงได้เร็ว เพราะสารเคมีในเครื่องสำอางอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง รูขุมขนอุดตัน และขาดออกซิเจน ผิวจึงไม่ได้หายใจ เกิดการสะสมของสารพิษและส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ ขาดความสดใส จึงควรให้ผิวได้พักจากการแต่งหน้าบ้าง เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวให้แข็งแรง
7. ความร้อน
การสัมผัสความร้อนสูงเป็นประจำ ไม่ว่าจะจากแสงแดดหรือการอยู่หน้าเตาร้อน ๆ สามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีในผิวหนังมากขึ้น นำไปสู่การเกิดกระ ฝ้า และจุดด่างดำได้ง่าย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงผิวที่แก่ก่อนวัย ความร้อนยังทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น จึงควรหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูงและป้องกันผิวเมื่อต้องอยู่ในสภาวะดังกล่าว
8. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
การดื่มน้ำน้อยเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้ง หย่อนคล้อย และดูแก่ก่อนวัย เพราะร่างกายของเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง 70% หากไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถขับถ่ายของเสียออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สารพิษตกค้างและส่งผลเสียต่อผิวพรรณ ผิวจะดูหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น และเกิดริ้วรอยได้ง่าย ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้วเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว
9. อาหารที่เลือกบริโภค
นอกจากการหลีกเลี่ยงของหวานแล้ว อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน นม และเนยในปริมาณมาก ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแก่เร็ว เพราะคอเลสเตอรอลในอาหารเหล่านี้มีส่วนทำให้ผิวเสื่อม อีกทั้งอาหารแปรรูป อาหารทอด และอาหารรสจัดก็ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งทำลายเซลล์ผิวและโครงสร้างคอลลาเจน ควรเลือกรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
วิธีดูแลผิวหน้าไม่ให้แก่ก่อนวัย
สำหรับคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย หรือใบหน้าเริ่มมีริ้วรอยที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีที่จะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ดังนี้
1. Ulthera
2. Botox
การฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botullinum Toxin Type A ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้า และลดขนาดกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูกระชับ และช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ให้หายไป
การเติมไขมันหน้าเด็ก หรือการฉีดไขมัน เป็นวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาหน้าตอบ แก้มตอบ ใต้ตาหรือร่องแก้มลึก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม และหน้าแก่ก่อนวัย โดยการฉีดไขมันจะช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวให้กลับมามีชีวิตชีวา ทำให้ผิวแข็งแรง ดูสุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหน้าบริเวณที่ฉีดดูอิ่มฟู เต่งตึงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
4. ร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นหัตถการยกกระชับหน้าที่เห็นผลทันทีหลังทำ และสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและสามารถลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หน้าดูแก่ก่อนวัย แล้วต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็ก และใบหน้าดูเด็กลง
5. ทาสกินแคร์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย
ยิ่งมีปัญหาผิวมากเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งให้ความใส่ใจกับการเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เช่น Hyaluron, AHA, Vitamin A, Retinol, Collagen, Ceramide เป็นต้น ซึ่งสารสกัดเหล่านี้ มีส่วนช่วยในการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง และใบหน้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้ความใส่ใจกับการทาสกินแคร์เป็นประจำ รวมถึงทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากแสงแดดร่วมด้วย
6. ฟิลเลอร์ (Filler)
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือรอยย่นรอบปาก ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เต่งตึง และอ่อนเยาว์ขึ้นทันที หลังการฉีดอาจมีอาการบวม แดง หรือเขียวช้ำเล็กน้อย แต่จะหายไปใน 1-2 วัน ฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพราะเห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน
7. เมโสหน้าใส
เมโสหน้าใสคือการฉีดสารสกัดวิตามินและสารบำรุงสำคัญเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง เพื่อช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวจากภายใน กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส มีสุขภาพดี และชุ่มชื้นมากขึ้น เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ขาดความกระจ่างใส หลังทำเมโสหน้าใสประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผิวจะเริ่มมีสุขภาพดีขึ้น นุ่มและชุ่มชื้น มีสีผิวอมชมพูกระจ่างใสกว่าเดิม โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน
8. Sculptra
Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Biostimulator) ที่มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิกในธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวเต่งตึง มีปริมาตร และดูอ่อนเยาว์ ต่างจากฟิลเลอร์ตรงที่ Sculptra ไม่ได้เติมเต็มทันที แต่ค่อย ๆ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่า และอยู่ได้นานถึง 2 ปี ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยแบบองค์รวม
9. การร้อยไหม (Thread Lift)
การร้อยไหมคือการใช้ไหมละลายที่มีตะขอร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม กราม คาง ขากรรไกร หรือคอ โดยไม่ต้องผ่าตัด จะเจ็บหรือบวมเพียงเล็กน้อย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำ และเห็นผลลัพธ์ได้ทันที เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 30-50 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องศัลยกรรม ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นใน 3-6 เดือน และอยู่ได้นาน 1-3 ปี
ทำไมถึงควรมารักษาปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยที่ Atita Clinic
ที่ Atita Clinic เรามุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณแบบองค์รวม ทีมแพทย์ของเราจะวิเคราะห์สภาพผิวของคุณอย่างละเอียด เพื่อให้การรักษาตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คลินิกของเราเน้นการดูแลแบบเป็นรายบุคคล เพราะเราเข้าใจดีว่าผิวพรรณของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และต้องการการดูแลที่เฉพาะเจาะจง เรามีบริการหัตถการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ Thermage HIFU หรือการร้อยไหม ที่จะช่วยให้คุณกลับมามีผิวที่ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีได้อีกครั้ง
สรุปบทความ
เมื่อได้ทราบถึงสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยกันไปแล้ว หนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนที่อยากยืดอายุให้หน้าดูเด็ก ก็อย่าลืมให้ความใส่ใจกับการดูแลตัวเอง และหากคุณเริ่มมีริ้วรอย หรือรู้สึกว่าผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับแต่ยังไม่รุนแรงมากนัก ก็สามารถดูแลตัวเองด้วยการทาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยลดเลือนริ้วรอยได้
แต่หากรู้สึกว่าริ้วรอยต่าง ๆ เริ่มชัดเจนมากขึ้น หรือรู้สึกว่าหน้าแก่ก่อนวัย ก็ควรจะเข้าไปรับคำปรึกษากับคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่เจออยู่ ซึ่งที่ Atita Clinic เรามีแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี อบรมมาแล้วกว่า 14 ประเทศทั่วโลก รวมถึงได้รับรางวัลการันตีมากมาย ผู้เข้าใช้บริการจึงมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน