ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ดูไม่กระชับ และมีริ้วรอย เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่นแสงแดด ฝุ่น ควัน และการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอยก่อนวัยอันควรที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกไม่มั่นใจและมองหาวิธียกกระชับหน้าให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์ดังเดิม
แน่นอนว่าด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีในการดูแลผิวในปัจจุบัน ทำให้มีวิธียกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดมาให้เลือกมากมาย ซึ่งในบทความนี้ Atita Clinic จะขอยกวิธียกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด และสามารถเห็นผลหลังทำได้ทันทีมาทั้งหมด 5 วิธี โดยแต่ละวิธีก็จะมีความเหมาะสมแตกต่างกันไปตามอายุ และปัญหาผิวของแต่ละคน ใครอยากให้ผิวกลับมาดูกระชับ เรียบเนียนต้องห้ามพลาด!
Table of Contents
5 วิธียอดนิยมเพื่อการยกกระชับหน้า (อธิบายว่าแต่ละวิธีเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวระดับไหน, มีจุดเด่นหรือข้อดีอย่างไร, ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน)
1. ครีมยกกระชับหน้า (ใช้ครีม+นวดยกกระชับ)
การใช้ครีมยกกระชับหน้า และลดเลือนริ้วรอย เป็นวิธียกกระชับผิวง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอในการทาครีมยกกระชับผิวอย่างน้อย 3-4 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล แต่หากเป็นปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่เกิดจากการทรุดตัวของกระดูก การทาครีมก็ไม่สามารถช่วยยกกระชับหน้าในส่วนนี้ได้
ดังนั้นวิธีนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก แต่ต้องการผลลัพธ์ในระยะยาว
2. ไฮฟู (Hifu)
ไฮฟูยกกระชับหน้า เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้น เพื่อทำให้ชั้นผิวเกิดการหดตัว ทำให้ผิวหน้าดูกระชับ และอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย ยกหนังตาตก และแก้ปัญหาร่องแก้มที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำร้ายผิวหนังชั้นนอก และไม่เป็นอันตรายต่อสายตา ทำให้สามารถยิงเพื่อยกกระชับผิวบริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ ผู้ที่มีมีริ้วรอยบริเวณร่องใต้ตา หรือร่องแก้มไม่ลึกมาก และผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
3. อัลเทอร่า (Ulthera)
อัลเทอร่า เป็นเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับหน้าที่ใช้คลื่นความถี่สูง และมีความเฉพาะเจาะจง ยิงลงไปใต้ชั้นผิวโดยจะโฟกัสให้เกิดจุดความร้อนเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นจุดไข่ปลาใต้ผิว และทำให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัวและกระชับขึ้นตามทิศทางของเส้นนี้ โดยแพทย์จะสามารถเห็นผิวแต่ละชั้นและออกแบบการยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำ และตรงจุด นอกจากนี้ยังสามารถยกกระชับหน้าได้ลงลึกทุกชั้น เพราะมีหัวยิงให้เลือกตามระดับความลึกถึง 3 ระดับ
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย หนังตาหรือหางตาตก ผู้ที่มีไขมันบริเวณแก้มไม่เยอะและต้องการปรับให้หน้าดูเรียว และกอรบหน้าชัดขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูกระชับ รูขุมขนเล็กลง และผิวดูเรียบเนียน
4. ฟิลเลอร์ยกกระชับหน้า
ฟิลเลอร์ยกหน้า หรือการฉีดสาร Hyalyronic Acid เข้าไปเพื่อเติมเต็มริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้ยกกระชับ และสร้างมิติให้แก่ใบหน้า ซึ่งจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการวิเคราะห์ปัญหาของแพทย์ เพื่อประเมินบริเวณที่จะฉีด และปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ โดยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกกระชับหน้า เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสาร Hyaluronic Acid เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึกรอบดวงตา ร่องแก้ม มุมปาก หรือผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากการทรุดตัวของกระดูก
5. ร้อยไหมยกกระชับหน้า
การร้อยไหมยกหน้าเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับหน้า เนื่องจากสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ โดยจะเป็นการสอดไหมละลายเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการยกกระชับ แล้วใช้ตะขอเกี่ยวผิวหนังให้ยกขึ้น ซึ่งไหมจะทำหน้าที่เหมือนสลิงที่ช่วยพยุงให้ผิวหน้ายกกระชับมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ จะยกขึ้นได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของไหมที่ใช้ เทคนิคและความเชี่ยวชาญของแพทย์ รวมถึงระดับความหย่อนคล้อยของผิว
เหมาะกับคนที่อยากมีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย แล้วต้องการให้ยกใบหน้าให้ดูกระชับ และเรียวยิ่งขึ้น รวมถึงคนที่ไม่กลัวเข็มและอยากเห็นผลลัพธ์ทันที
พฤติกรรมที่ควรเลี่ยงหากอยากให้หน้าดูกระชับ (เน้นอธิบายถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน)
- พักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol)ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เข้าไปทำลายสารต้านอนุมูลอิสระ และคอลลาเจนใต้ชั้วผิวให้ลดลง ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย และปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา
- ทานของหวานเป็นประจำ เพราะน้ำตาลเป็นตัวการสำคัญที่เข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
- ขมวดคิ้วเป็นประจำ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณคิ้ว หน้าผาก และดวงตา จะเกิดการหดเกร็ง จนทำให้ผิวสูญเสียอีลาสตินใต้ชั้นผิว และทำให้เกิดริ้วรอย รวมถึงปัญหาผิวหย่อนคล้อยก่อนวัยอันควร
- ไม่ทาครีมกันแดด เพราะรังสี UV จะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ที่จะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง เส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติน จนทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และเกิดความหย่อนคล้อยตามมา
- สูบบุหรี่เป็นประจำ ในบุหรี่มีสารอันตรายหลายอย่างที่ทำลายสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิว โดยจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิว และทำลายโครงสร้างชั้นผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพจนเกิดความหย่อนคล้อยตามมา