อทิตาคลินิก Atita clinic ร้อยไหม ฟิลเลอร์ โบท็อก
อทิตาคลินิก Atita clinic ร้อยไหม Scarless โปรโมชั่นร้อยไหม
Sculptra คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างไร
โปรร้อยไหม-โปรร้อยไหมราคาถูก-ร้อยไหมที่ไหนดี-2025
harmonyca ราคา, harmonyca คือ, profhilo ราคา, profhilo คือ
โปรร้อยไหม-โปรร้อยไหมราคาถูก-ร้อยไหมที่ไหนดี-โปรฟิลเลอร์-โปรโบท็อกซ์-ฉีดฟิลเลอร์ทีไหนดี-ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี-2025
อทิตาคลินิก-Atita-clinic-คลินิกในกรุงเทพ-ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี-ฟิลเลอร์ราคา-โปรโมชั่นฟิลเลอร์
อทิตาคลินิก-Atita-clinic-คลินิกในกรุงเทพ-นิวรามิส-Neuramis
อทิตาคลินิก Atita clinic ร้อยไหม ฟิลเลอร์ โบท็อก
อทิตาคลินิก Atita clinic ร้อยไหม Scarless โปรโมชั่นร้อยไหม
cover-atita-2024---cover-the-master---sculptra
ร้อยไหมที่ไหนดี-2025
อทิตาคลินิก คลินิกเสริมความงาม
cover-allergan
อทิตาคลินิก-Atita-clinic-คลินิกในกรุงเทพ
อทิตาคลินิก-Atita-clinic-คลินิกในกรุงเทพ-เกาหลี
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow

คอลลาเจนคืออะไร? ประโยชน์คอลลาเจนมีอะไรบ้าง?

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยคำว่า “คอลลาเจน” เป็นอย่างดี แต่ยังมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับคอลลาเจนว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายจริงไหม? แล้วประโยชน์คอลลาเจนคืออะไร? วันนี้เราจึงจะพาไปไขข้อสงสัยทั้งหมด พร้อมบอกเล่าประโยชน์คอลลาเจน คนที่อยากมีผิวสวย หรืออยากมีใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ตามไปดูพร้อม ๆ กัน

คอลลาเจนคืออะไร?

คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายโดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั่วร่างกาย พบได้ตามผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน รวมถึงเนื้อเยื่อต่าง ๆ มีหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นกับเนื้อเยื่อภายในร่างกาย โดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างและสลายคอลลาเจนได้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้น การสร้างคอลลาเจนก็จะลดลง ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังต่าง ๆ ตามมา เช่น ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยแห่งวัย เป็นต้น 

คอลลาเจน มีกี่ประเภท?

คอลลาเจนในร่างกายของเรามีหลายประเภทแตกต่างกันตามคุณสมบัติและหน้าที่ ปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนมากกว่า 28 ชนิด แต่ที่พบมากในร่างกายและมีความสำคัญหลัก ๆ มี 5 ประเภท โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแตกต่างกันตามแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบ ทำให้คอลลาเจนแต่ละชนิดเหมาะกับการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

  • คอลลาเจน Type 1 พบมากที่สุดในร่างกาย (คิดเป็น 90%) มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด พบในผิวหนัง กระดูก ผนังหลอดเลือด และเส้นเอ็น
  • คอลลาเจน Type 2 พบมากในกระดูกอ่อน เช่น หู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงแก่ข้อต่อ
  • คอลลาเจน Type 3 มักพบร่วมกับ Type ที่ 1 พบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด
  • คอลลาเจน Type 4 พบในชั้นเยื่อบุผิว ทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนสารและช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
  • คอลลาเจน Type 5 พบในผิวของเซลล์ เส้นผม รก และทำงานร่วมกับคอลลาเจนในผิวหนัง

Collagen นำไปใช้ทำอะไรบ้าง?

คอลลาเจนแบบกิน – อาหารเสริมคอลลาเจนในรูปแบบผง เม็ด หรือน้ำ ช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวและร่างกายจากภายใน

คอลลาเจนแบบทา – ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เช่น ครีม โลชั่น สบู่ มาส์กหน้า ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

คอลลาเจนจากการทำหัตถการ – หัตถการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจนกว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว

ประโยชน์คอลลาเจนกับโครงสร้างผิว

อย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่าคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง ดังนั้นคอลลาเจนจึงมีประโยชน์ต่อโครงสร้างผิวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น

  • ช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ทำหน้าที่คล้ายกับกาวที่ช่วยพยุงโครงสร้างผิวหนัง
  • มีส่วนช่วยในกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังเวลาเกิดบาดแผล หรือบาดเจ็บ
  • ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มฟู และลดความหยาบกร้าน
  • ช่วยทำให้ริ้วรอยที่เห็นชัดดูจางลง

คอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเมื่ออายุเท่าไหร่?

คอลลาเจนในร่างกายมีแนวโน้มลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่วัย 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง และปริมาณจะลดลงอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นหลังอายุ 60 ปี หรือในผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ทำให้คอลลาเจนมีคุณภาพลดลงและสลายตัวเร็วขึ้น ส่งผลให้ผิวมีริ้วรอยและหย่อนคล้อย

ถ้า Collagen ในร่างกายลดเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

  • ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย – การสูญเสียคอลลาเจนทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น บางลง และเกิดริ้วรอย ร่องลึกได้ง่าย
  • ผิวแห้งและหมองคล้ำ – ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ ขาดความสดใส
  • ผิวแพ้ง่าย ไม่แข็งแรง – โครงสร้างผิวอ่อนแอลง ทำให้ผิวไม่แข็งแรง แพ้ง่าย เกิดสิว ผด ผื่น
  • ฝ้า กระ จุดด่างดำ – ผิวบางลงและบอบบางมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ง่าย
  • การสร้างเซลล์ผิวใหม่ช้าลง – กระบวนการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่ชะลอลง
  • ปวดกล้ามเนื้อ – กล้ามเนื้ออาจมีความยืดหยุ่นน้อยลงและอ่อนแรง
  • ข้อเสื่อม – กระดูกอ่อนถูกใช้งานจนเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม
  • เคลื่อนไหวลำบากขึ้น – ข้อต่อและกล้ามเนื้อฝืดแข็ง ทำให้เคลื่อนไหวได้น้อยลง
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต – หลอดเลือดขาดความยืดหยุ่น
  • ปัญหาระบบทางเดินอาหาร – เยื่อบุทางเดินอาหารบางลง

อาหารที่ส่งผลช่วยเพิ่ม Collagen ในร่างกาย

  1. เนื้อสัตว์ – เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู หนังหมู ซุปกระดูก ปลา และกุ้ง อุดมไปด้วยโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นในการผลิตคอลลาเจน
  2. ผักใบเขียวและผลไม้รสเปรี้ยว – ส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี มีวิตามินซีสูง ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนและต้านอนุมูลอิสระ
  3. ไข่ขาว – มีโปรตีนสูงและมีกรดอะมิโนโพรลีนที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน
  4. ถั่วและผลิตภัณฑ์จากนม – มีโปรตีนและแร่ธาตุที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
  5. อาหารที่มีสังกะสี – หอยนางรม ผลิตภัณฑ์นม สัตว์ปีก ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด
  6. อาหารที่มีทองแดง – หอยนางรม ล็อบสเตอร์ ตับ เห็ด ถั่ว และดาร์กช็อกโกแลต
  7. น้ำมันปลา – มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยในการอักเสบและสนับสนุนการสร้างคอลลาเจน

วิธีป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนในร่างกาย

วิธีป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนในร่างกาย

1. หลีกเลี่ยงแสงแดด

โดยเฉพาะแสงแดดในช่วงเวลา 10:00 – 16:00 น. เพราะเป็นช่วงที่แสงแดดมีรังสี UV มากที่สุด หากร่างกายต้องเผชิญแสดงแดดเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนได้ แนะนำให้ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวทุกครั้ง

2. จัดการกับความเครียด

เมื่อมีอาการเครียดร่างกายจะหลั่งสาร Cortisol (คอร์ติซอล) ออกมา ซึ่งเป็นตัวการทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้ผลิตได้น้อยลง หากมีอาการเครียดบ่อย ๆ เป็นระยะเวลานาน จะทำให้ผิวพรรณแย่ลง มีริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่าย

3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำลายคอลลาเจน และอิลาสตินซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของผิว รวมทั้งทำให้ผิวแห้ง และขาดน้ำอีกด้วย

4. หลีกเลี่ยงมลภาวะต่าง ๆ

มลภาวะต่าง ๆ เช่น ควัน ฝุ่น PM2.5 สามารถทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนได้ เพราะมลภาวะเหล่านี้สามารถซึมผ่านผิว เข้าไปทำลายของชั้นคอลลาเจนและชั้นไขมัน นำมาซึ่งสาเหตุหลักของความหมองคล้ำ ริ้วรอย สิว การอุดตัน

อยากหน้าเด็กดูอ่อนกว่าวัย ทำอย่างไรได้บ้าง?

อยากหน้าเด็กดูอ่อนกว่าวัย ทำอย่างไรได้บ้าง

อธิบายวิธีการเติมคอลลาเจนให้ร่างกายเพื่อให้หน้าดูเด็ก การฉีดไขมันหน้าเด็กก็ช่วยได้ดีเช่นกัน)

1. รับประทานคอลลาเจน

เริ่มต้นด้วยวิธีที่ง่ายแสนง่าย เพราะเราทุกคนต้องรับประทานอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นเลือกทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูง จะช่วยเพิ่มประโยชน์คอลลาเจนให้กับผิวได้ดี เช่น อาหารประเภทเนื้อปลาทะเล หนังสัตว์ ผักใบเขียว ผักผลไม้ที่มีวิตามินสูง รวมทั้งอาหารเสริมและเครื่องดื่มที่มีคอลลาเจนสังเคราะห์ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของเราสังเคราะห์คอลลาเจนเพิ่มขึ้นได้

2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ ร่างกายจะหลั่ง โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างวัน รวมทั้งช่วยกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์คอลลาเจนใต้ชั้นผิว ซึ่งส่งผลดีต่อผิวพรรณของเรา นอกจากนี้การนอนหลับให้เพียงพอยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานปกติ ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาทและสมอง ระบบภูมิคุ้มกันต่อโรค ระบบฮอร์โมน เป็นต้น

3. การฉีดไขมันหน้าเด็ก

การฉีดไขมันหน้าเด็ก เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า โดยเป็นการย้ายเซลล์ไขมันส่วนเกินจากบริเวณหนึ่ง มาเติมในบริเวณที่ขาดบนใบหน้าของคุณเพื่อเติมเต็มใบหน้าให้ดูอวบอิ่ม อ่อนกว่าวัย นอกจากนี้การฉีดไขมันหน้าเด็กยังสามารถฟื้นฟูสภาพผิว และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนังได้อย่างล้ำลึก ซึ่งคอลลาเจนจะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้หน้าดูเด็กกว่าวัยนั่นเอง

อยากหน้าเด็กดูอ่อนกว่าวัย ทำอย่างไรได้บ้าง

4. ฉีดเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใสเป็นการฉีดวิตามิน สารอาหารจำเป็น และแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ผิวโดยตรง ช่วยเติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูและปรับสมดุลผิวให้แข็งแรง การฉีดเมโสจะช่วยบำรุงผิวในระดับลึก กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และคอลลาเจน ทำให้ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ เมโสหน้าใสมีหลากหลายสูตรให้เลือกตามปัญหาและความต้องการเฉพาะบุคคล เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น หรือต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา

5. ฉีด Profhilo

ฉีด Profhilo เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สารไฮยาลูโรนิกเข้มข้นสูงในผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และดูกระจ่างใสขึ้น เหมาะสำหรับบริเวณใบหน้า คอ และมือ โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดหลังการรักษา 2-3 ครั้ง และสามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือน ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์กว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติ

6. ฉีด Sculptra

การฉีด Sculptra คือเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวที่ใช้สาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 ได้ถึง 66.5% ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปตามวัย ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวกระชับ เต่งตึง ริ้วรอยลดเลือน และใบหน้ามีมิติมากขึ้น Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ หรือต้องการเพิ่มความอิ่มเต็มให้กับใบหน้าที่ดูโทรมเพราะขาดคอลลาเจน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวของคอลลาเจนที่เรานำมาฝากกัน จะเห็นได้ว่าประโยชน์คอลลาเจนต่อผิวของเรานั้นมีมากมาย อย่างไรก็ตาม แม้จะร่างกายจะสามารถสร้างคอลลาเจนเองได้ แต่ก็มีปัจจัยหลายที่ทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนได้เช่นกัน ดังนั้นใครที่อยากหน้าเต่งตึง กระชับ อ่อนกว่าวัย ควรหมั่นเติมคอลลาเจนให้ร่างกายอยู่เสมอ พร้อมหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจน หรืออาศัยวิธีทางการแพทย์อย่างการฉีดไขมันหน้าเด็กควบคู่ไปด้วย จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวได้อย่างเต็มที่ จบปัญหาร่องรอยแห่งวัย หากใครสนฉีดไขมันหน้าเด็ก ที่ Atita Clinic พร้อมให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการฉีดไขมันหน้าเด็ก โดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน

โฆษณาเลขที่ใบอนุมัติ ฆสพ.สบส ๔๐๘๖/๒๕๖๗

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save