หน้าหมองคล้ำเกิดจากอะไร พร้อมวิธีป้องกัน
Table of Contents
เคยสงสัยไหมว่า ทั้ง ๆ ที่เราดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นอนพักผ่อนครบ 8 ชั่วโมง ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว บำรุงผิวด้วยสกินแคร์เป็นประจำ แต่ทำไมผิวของเรายังดูหมองคล้ำจนทำให้รู้สึกไม่มั่นใจอยู่ แน่นอนว่าคนที่ดูแลตัวเองดีขนาดนี้ก็คงจะสงสัยว่า แล้วต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาหน้าหมองคล้ำเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วต้องดูแลตัวเองด้วยวิธีไหนถึงจะทำให้หน้าสดใสขึ้นมาได้ โดยในวันนี้ Atita Clinic จะมาเล่าต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหน้าหมองคล้ำให้คุณได้ทราบกัน พร้อมวิธีป้องกันและดูแลผิวหน้าให้ดูสดใส ไม่หมองคล้ำ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
หน้าหมองคล้ำเกิดจากอะไร
ปัญหาหน้าหมองคล้ำเกิดจากอะไร คำถามที่สาว ๆ มีคนถาม Atita Clinic เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำมีปัจจัยหลากหลาย ทั้งที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ โดยในวันนี้เราได้รวบรวมมาทั้งหมด 6 ปัจจัยด้วยกัน ใครที่สงสัยอยู่ต้องไปติดตามต่อ
1. อายุที่เพิ่มขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดหน้าหมองคล้ำเนื่องจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว คอลลาเจน และอิลาสติน รวมถึงระยะเวลาในการผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง ทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย ผ้า กระ และเริ่มมีผิวที่หย่อนคล้อยมากขึ้น โดยจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 30 ปี
2. แสงแดด
ในแสงแดดมีรังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือรังสี UV ที่เข้ามาทำร้ายผิวและทำให้ผิวดูหมองคล้ำเนื่องจากผิวผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากเกินไป โดยภายในรังสี UV จะประกอบไปด้วย UVA และ UVB โดยรังสี UVA จะทำให้ผิวเกิดรอยเหี่ยวย่น มีริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า-กระต่าง ๆ นอกจากนี้ยังทำให้มีความเสี่ยงการเกิดเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย ส่วนรังสี UVB จะทำให้ผิวมีอาการแสบร้อน และทำให้ผิวคล้ำลงได้ ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดที่ SPF สูง ๆ เป็นประจำ และต้องทาในปริมาณที่ถูกต้องคืออย่างน้อย 2 ข้อนิ้ว เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่
3. พักผ่อนไม่เพียงพอ
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าโทรมและหมองคล้ำได้ เพราะในช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 2 ร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมน Melatonin ที่ช่วยในการซ่อมแซมและดูแลร่างกาย ดังนั้น หากเรานอนดึกเป็นประจำ ร่างกายก็จะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนนี้ออกมาได้ ทำให้ผิวไม่ได้รับการซ่อมแซมตามที่ควรจะเป็น และส่งผลให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัยได้
4. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ และไม่ค่อยทานผักผลไม้
อีกหนึ่งปัจจัยที่เราเชื่อว่าหลายคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีส่วนทำให้ผิวหมองคล้ำก็คือ การดื่มน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษหรือของเสียที่สะสมในร่างกายออกมาได้ จนทำให้เกิดปัญหาผิวมากมาย เช่น ผิวหมองคล้ำ โทรม ขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งกร้าน เกิดสิว เป็นต้น ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเป็นประจำวันละ 8 แก้ว หรือ 1-2 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
นอกจากนี้ การทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะวิตามินซีที่อยู่ในผักผลไม้ จะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดี นุ่มชุ่มชื้น และดูสดใส หากไม่รับประทานผักผลไม้เลยหรือทานในปริมาณน้อย ก็จะทำให้ผิวของเราไม่สามารถผลิตคอลลาเจนออกมาได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ดูหมองคล้ำ ไม่สดใสได้
5. ความเครียด
ความเครียด เป็นสิ่งที่เราต้องพบเจอจากการทำงาน หรือเรื่องส่วนตัวของเราในแต่ละวัน ซึ่งหากเราไม่สามารถกำจัดความเครียดออกไปได้ ผิวหน้าของเราก็จะดูหมองคล้ำ และมีรอยเหี่ยวย่น เนื่องจากในขณะที่เราเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เข้าไปรบกวนการทำงานของกระบวนการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย และเมื่อร่างกายไม่สามารถผลิตคอลลาเจนได้เพียงพอ ผิวก็จะอ่อนแอ ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ดูแก่กว่าวัยได้ นอกจากนี้ การขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวขณะที่เราเครียดก็จะทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก และระหว่างคิ้วได้เช่นกัน
6. สภาพอากาศ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเปิดแอร์เพื่อสร้างความเย็นให้กับห้องเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่า การอยู่ในห้องแอร์หรือห้องที่มีความชื้นต่ำเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวแห้ง แตก เป็นขุย และดูหมองคล้ำได้ เนื่องจากความชุ่มชื้นในผิวถูกดูดออกไปจนหมด นอกจากนี้หากคุณเป็นคนที่ผิวบอบบางก็อาจจะทำให้เกิดผิวหนังเกิดอาการแพ้ ลอก หรืออักเสบได้
วิธีดูแลผิว กู้หน้าหมองคล้ำให้กลับมาสดใส
ได้ทราบกันไปแล้วว่า ปัญหาหน้าหมองคล้ำเกิดจากอะไร ใครที่มีพฤติกรรมที่ทำให้ผิวหมองคล้ำอยู่ ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหาวิธีดูแลผิวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง แน่นอนว่าถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นดูแลผิวให้กลับมาสดใสได้อย่างไรก็ต้องไปติดตามข้อมูลเกี่ยวกับวิธีดูแลผิว กู้หน้าหมองคล้ำให้กลับมาสดใสที่ Atita Clinic นำมาแบ่งปันกันต่อ โดยมีทั้งหมด 5 วิธีด้วยกัน ดังนี้
1.สำรวจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
อันดับแรกก็ต้องเริ่มจากการสำรวจพฤติกรรมของตัวเองเสียก่อนว่า เรากำลังพฤติกรรมอะไรที่ทำร้ายผิวอยู่บ้าง เช่น มีความเครียดสะสม ทานแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือนอนไม่เป็นเวลา เป็นต้น เมื่อทราบแล้วก็จะต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น แบ่งเวลาพักผ่อนและเวลาทำงานให้ชัดเจน หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด หมั่นทานผักและผลไม้เป็นประจำ เป็นต้น เพียงเท่านี้สุขภาพร่างกายของเราก็จะได้รับการฟื้นฟู และสุขภาพผิวของเราก็จะกลับมาแข็งแรง และดูสดใสดังเดิม
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
อย่างที่เราได้กล่าวไปในช่วงแรกว่า อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ระยะเวลาในการผลัดเซลล์ผิวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการที่ผิวของเราไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ตามธรรมชาติ หรือผลัดเซลล์ผิวได้ช้า จะทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ถูกผลัดออกไป รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อยู่บนผิวของเราก็จะเกิดการสะสมไปเรื่อย ๆ จนอุดตันและทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้
ดังนั้น การสครับผิวเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และเกิดเซลล์ผิวใหม่ที่มีความแข็งแรงขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส และนุ่มชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาผิวได้อีกด้วย
3. ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
ควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และสามารถป้องกันรังสี UVA, UVB เป็นประจำแม้จะไม่ได้ออกไปบริเวณที่มีแดดจ้า เพื่อป้องกันไม่ให้รังสี UV ในแสงแดดทำร้ายผิวจนเกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ หรือผิวไหม้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการออกไปที่กลางแจ้งในช่วงเวลาที่แดดจัด เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
4. ทานวิตามินเสริม
การทานวิตามินเสริมในกลุ่มที่มีส่วนช่วยเรื่องผิว ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจน เอนไซม์คิวเทน สารสกัดจากเมล็ดองุ่น โดยเฉพาะวิตามินซี ซึ่งมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย และช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนในร่างกายให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง และกระจ่างใส โดยก่อนที่จะรับประทานวิตามินเสริมควรจะมีการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรให้ดีก่อนเสมอ รวมถึงเลือกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ และได้มาตรฐาน
5. ฉีดเมโสหน้าใส
หากคุณมีผิวหน้าที่หมองคล้ำและต้องการการแก้ไขอย่างรวดเร็ว การฉีดเมโสหน้าใสก็ถือเป็นทางลัดที่จะช่วยให้ผิวของคุณกระจ่างใสขึ้นได้ทันที โดยการฉีดเมโสหน้าใส จะเป็นฉีดสารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ โทรม หรือผิวแห้งได้รวดเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น ต่างจากการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่จะมีความสม่ำเสมอและใช้เวลาพอสมควรจึงจะเห็นผล
ฉีดเมโสหน้าใส แก้ผิวหมองคล้ำ กู้หน้าใสได้เร็วกว่า
การฉีดเมโสหน้าใส ทางลัดกู้ผิวหมองคล้ำให้กลับมาสดใสดังเดิม โดยการฉีดเมโสหน้าใสจะเป็นการฉีดวิตามินที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวเข้าสู่ผิวชั้นในโดยตรง ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ โทรม หรือแห้งกร้านให้กลับมากระจ่างใส ดูเรียบเนียน พร้อมลดเลือนจุดด่างดำได้ในทัน ซึ่งเมโสหน้าใสสามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มเพื่อให้ตอบโจทย์กับสภาพผิวที่แตกต่างกัน มีดังนี้
1. สูตรเน้นความขาวใส
เป็นสูตรที่ช่วยแก้ปัญหาความหมองคล้ำจากแดด และมลภาวะได้เป็นอย่างดี โดยตัวยาที่ฉีดเข้าไปจะเป็นส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยทำให้หน้าขาว เช่น วิตามิน A, B, C, E, Transamin, Glutathione เป็นต้น
2. สูตรเน้นหน้าใส
ตัวยาที่ฉีดเข้าไปจะมีส่วนผสมของคอลลาเจน และโคเอนไซม์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส ไม่โทรม พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้น และกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวฟูขึ้น
3. สูตรเน้นลดสิว ลดผื่น
เป็นสูตรที่จะช่วยลดการอักเสบ และขับสารพิษที่สะสมอยู่ในผิวออกมา พร้อมเพิ่มคอลลาเจนที่ทำให้ต่อมไขมันทำงานลดลง จึงสามารถลดการเกิดสิว และผื่นได้
เรามีทีมแพทย์คอยแนะนำ ให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แอดไลน์ปรึกษา คลิกที่นี่
ได้ทราบกันไปแล้วว่า ปัญหาหน้าหมองคล้ำเกิดจากอะไร รวมถึงวิธีดูแลผิวให้กลับมากระจ่างใสอีกครั้ง ก็อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณดู รับรองว่า ผิวหมองคล้ำไม่สดใสของคุณจะกลับมาดูกระจ่างใสอีกครั้งได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการหาตัวช่วยกู้ผิวหมองคล้ำแบบเร่งด่วน ก็สามารถแอดไลน์หรือเข้ามาให้ Atita Clinic ช่วยดูแลได้เลย โดยเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดเมโสหน้าใสที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีของเรา คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า หากไว้ใจให้ Atita Clinic ดูแล ผิวหน้าของคุณจะกลับมาสดใส ดูเปล่งปลั่งได้อย่างแน่นอน