สภาพอากาศปัจจุบันนี้ค่อนข้างแปรปรวน แถมมาด้วยมลภาวะต่างที่ทำลายผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสภาวะฝุ่น PM2.5 สภาพอากาศที่ร้อนปรอทแตก แสงแดด แสง UV และไหนจะแสงสีฟ้าจากจอคอมที่ทำงาน จอมือถืออีก ที่เข้ามาทำร้ายผิวหน้าอย่างหนัก จนก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้ามากมาย เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ หากคุณกำลังหนักใจกับปัญหาเหล่านี้ ไม่ควรพลาดบทความนี้เลยล่ะ เราพาไปดูกันว่าฝ้านั้นมีที่มาจากอะไร มีลักษณะแบบไหน และมีวิธีรักษาฝ้าอย่างไร
Table of Contents
ฝ้าเกิดจากอะไร
ฝ้า เกิดจากเซลล์เม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิวหนัง เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสง UV มากขึ้น ส่งผลให้มีการเพิ่มจำนวนของเม็ดสีเมลานินชนิดที่สร้างเม็ดสีผิวเข้มมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดเป็นฝ้า กระ มีลักษณะเป็นสีดำอมน้ำตาลขึ้นเป็นแถบ หรือปื้นบริเวณใบหน้า ฝ้าไม่ได้เป็นโรคทางผิวหนังร้ายแรงอะไร เพียงแต่ทำให้หลายๆ คนไม่มั่นใจในความไม่สม่ำเสมอของสีผิวบนใบหน้า
ไม่เพียงแต่แสงแดดที่เป็นสาเหตุของฝ้า แต่ยังรวมถึง ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนไป เช่น เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือทานยาคุมกำเนิด การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีส่วนประกอบของน้ำหอมและสี ก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ ได้
วิธีการป้องกันฝ้า คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรง หมั่นทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว และหลีกเลี่ยงการใช้ยา หรือฮอร์โมนเพศโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ยังพบว่าปัญหาฝ้าจะเกิดในผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า
ฝ้ามีกี่ประเภท
ฝ้าบริเวณใบหน้าแบ่งเป็น 4 ชนิด ได้แก่
- ฝ้าตื้น เกิดจากความผิดปกติบริเวณผิวชั้นนอก มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม ขอบชัด มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็มีวิธีรักษาฝ้าที่ง่าย และใช้เวลารักษาไม่นาน
- ฝ้าลึก เกิดบริเวณชั้นหนังแท้ มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลอมเทาเข้ม ขอบไม่ชัดเจน เนื่องจากอยู่ในระดับที่ลึกมาก และมีวิธีรักษาฝ้าที่ค่อนข้างยาก
- ฝ้าผสม คือเกิดทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกบนใบหน้า ฝ้าชนิดนี้พบได้มากที่สุด
- ฝ้าที่ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่าเป็นชนิดใด มักพบในผู้ที่สีผิวเข้มมาก ทำให้ไม่สามารถสังเกตลักษณะของฝ้าได้ชัดเจน
วิธีรักษาฝ้า กระ ที่เห็นผลจริง
บางทีการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวเผชิญแสงแดดโดยตรง ก็ไม่ได้การันตีว่าฝ้า กระ จะไม่เกิดขึ้นบนใบหน้า แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราก็มีวิธีรักษาฝ้าหลากหลายวิธีที่เห็นผลจริงมาแนะนำ
1. รักษาด้วยยาหรือครีมเฉพาะทาง
การรักษาฝ้า กระ ด้วยยาหรือครีมเฉพาะทาง เป็นวิธีรักษาฝ้าขั้นแรกๆ ที่คนนิยมกัน เนื่องจากทำได้ง่าย สามารถทำได้ด้วยตนเอง ประกอบกับในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหลากหลายรูปแบบทั้ง ครีม โลชั่น หรือเจล ที่มี Active Ingredients ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน รวมทั้งเมื่อมีการสร้างสีเมลานินมาแล้ว ก็สามารถช่วยกระจายเม็ดสีเมลานินได้ ทำให้ไม่เห็นเป็นสีผิวที่เข้มขึ้นชัดเจน เช่น Arbutin, Deoxyarbutin, Tranexamic acid, Licorice, Kojic acid, Ascorbic acid, Isobutylamido thiazolyl resorcinol (ITR)
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย และช่วยให้ผิวกระจ่างใส ควบคู่ไปกับการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ หรือร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนประกอบตามที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากสัมผัสแสงแดดที่จะส่งผลให้เกิดฝ้า กระได้ แม้ว่าวิธีรักษาฝ้าด้วยการทายา หรือครีมจะเป็นวิธีที่ง่าย และสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ตามความต้องการได้เอง แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียง และก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
2. รักษาด้วยวิธีเมโสหน้าใส
เมโสหน้าใส เป็นวิธีรักษาฝ้าที่ช่วยบำรุงผิวในด้านอื่นๆ ด้วย โดยนำสารสกัดเข้มข้น วิตามิน และสารบำรุงต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี คอลลาเจน คิวเทน โคเอนไซม์ และกลูต้าไธโอน ฉีดเข้าไปในผิวหน้าชั้นกลางโดยตรง
เพื่อให้ผิวหน้าได้รับการบำรุงอย่าล้ำลึก และตรงจุด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ให้รูขุมขนดูกระชับ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยลดเลือนรอยดำที่เกิดจากสิว จุดด่างดำบนใบหน้า ฝ้า กระ ให้จางลง และช่วยทำให้ผิวที่หมองคล้ำดูสดใสขึ้น
3. เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ
วิธีรักษาฝ้าด้วยการเลเซอร์ฝ้า เป็นการรักษาที่ค่อนข้างตรงจุด โดยใช้พลังงานแสงยิงไปที่ผิวหนังบริเวณเป้าหมาย เพื่อช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจน และผลิตเซลล์ใหม่ๆ ออกมาได้ไวขึ้นสามารถใช้รักษาฝ้าทั้งชนิด ฝ้าแบบลึก แบบตื้น และแบบผสม โดยวิธีรักษาฝ้าแต่ละชนิด แต่ละระดับ จะต้องใช้เลเซอร์ที่แตกต่างกันไป
ข้อดีของวิธีรักษาฝ้าด้วยการเลเซอร์ คือ ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยลดน้อยลง เห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก แต่หลังการทำเลเซอร์อาจทำให้ผิวบางลงได้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
4. รักษาด้วย IPL
IPL ย่อมาจาก Intense Pulsed Light ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่เอาพลังงานแสงมาใช้ในการรักษา และแก้ไขปัญหา ผิวพรรณ รวมถึงยังเป็นวิธีรักษาฝ้า กระ และรอยดำได้ด้วย โดยจะเป็นการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก พร้อมทั้งเข้าไปกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ทำให้ริ้วรอย รอยแดง รอยดำเล็กๆ จางลง ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น
โดยหลังจากที่ทำ IPL แล้ว จุดที่เป็นกระ หรือฝ้าอาจมีการตกสะเก็ดเล็กน้อย แล้วจะค่อยๆ หลุดออก ทำให้ ฝ้า กระ แลดูจางลง ผิวใส และสีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น การทำ IPL ควรทำอย่างต่อเนื่อง โดยเว้นระยะห่าง 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน และช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น
สรุปบทความ
วิธีรักษาฝ้านั้นมีหลากหลายวิธี หลายคนอาจจะกำลังลังเลว่า ควรรักษาด้วยวิธีการไหนดี ถึงจะเหมาะสมกับสภาพผิวของเรา อทิตาคลินิก มีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในทุกๆ ปัญหาผิว สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ในทุกๆ สาขาของอทิตาคลินิก ทางเราพร้อมให้คำปรึกษา และยินดีบริการคุณเป็นอย่างดี