Profhilo

Profhilo คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร?

Profhilo (โปรฟิโล) ถือเป็นตัวยากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือ Biostimulator ตัวใหม่ซึ่งดังมากในต่างประเทศ และเพิ่งเข้าไทยในช่วงเดือน ธ.ค. 2024 ที่ผ่านมา จัดเป็นตัวยากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ไม่เหมือนตัวไหนในท้องตลาด 

บทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Profhilo ตั้งแต่องค์ประกอบของตัวยา หลักการทำงานกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลลัพธ์หลังทำ เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน มีความแตกต่างจาก Sculptra หรือ Radiesse ที่ออกมาก่อนอย่างไร และเรื่องอื่นๆ ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีด รวมไว้ในบทความนี้แล้วครับ 

Profhilo คือ ตัวยากลุ่มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เมื่อผิวอายุมากขึ้นจะมีคอลลาเจนน้อยลง จนเกิดความหลวม ไม่ยืดหยุ่น ริ้วรอย ความไม่กระชับคืนตัว ลักษณะผิวดูมีอายุมากขึ้น Profhilo จะเข้าไปกระตุ้นและซ่อมแซมเซลล์ผิวต่างๆ โดยเฉพาะเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างคอลลาเจนหรือ Fibroblast 

Profhilo ทำงานอย่างไร?

Profhilo มีองค์ประกอบสำคัญคือ Hyaluronic acid ที่ทุกคนคุ้นเคย แต่เป็น Hyaluronic acid ที่ผ่านกระบวนการพิเศษที่ติดสิทธิบัตรคือ เทคโนโลยี NAHYCO ซึ่งเป็นการสร้างพลังงานความร้อนแบบจำเพาะ ทำให้ Hyaluronic acid สองขนาด เกิดการสร้างพันธะต่อกันเป็นโครงสร้างแบบพิเศษเรียกว่า HCC หรือ Hybrid Cooperative complex ซึ่งมีปริมาณ Hyaluronic acid มากที่สุดในท้องตลาด แต่กระจายตัวได้ดี มีลักษณะเป็นของเหลว ไม่เป็นก้อน และแสดงคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ประเภท cross-linked Hyaluronic acid ซึ่งไม่ได้ถูกผลิตมาเพื่อการกระตุ้นคอลลาเจน 

Profhilo แตกต่างจาก HA Filler อย่างไร?

เนื่องจาก Profhilo มีองค์ประกอบหลักคือ Hyaluronic acid (HA) มักมีคนสงสัยว่าแตกต่างจาก Filler อย่างไร หากอธิบายให้เห็นภาพ Hyaluronic acid ชนิดฉีดในท้องตลาดจะมี 2 ประเภท คือ

1. Cross-linked HA 

เป็น HA ที่มีการเชื่อมพันธะโมเลกุล ด้วยองค์ประกอบพิเศษบางอย่าง เช่น BDDE หรือ PEG เพื่อให้เกิดการคงรูปเป็นเนื้อเจล และไม่สลายโดยร่างกายได้ง่าย HA กลุ่มนี้ ได้แก่ ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดเพื่อเติมเต็มใบหน้าโดยทั่วไป เช่น Restylane, Juvederm, Belotero ที่เราคุ้นเคยกันดี 

หรือฟิลเลอร์งานผิวอย่าง Belotero Revive, Juvederm Skinvive ก็ถือเป็น Crosslinked HA แต่เป็นการเชื่อมพันธะที่ต่ำ ทำให้สามารถกระจายตัวในผิวตื้น ๆ ได้ดี 

แต่ฟิลเลอร์กลุ่มนี้ก็ไม่ได้สามารถกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวได้ดีเช่นกัน 

2. Non-Crosslinked HA 

คือ HA ที่ไม่ได้มีการเชื่อมพันธะโมเลกุลจาก Crosslinker จึงถูกร่างกายสลายโดยธรรมชาติได้ง่ายภายใน 24-48 ชม ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มเมโสหน้าใสต่างๆ ที่อาจหน้าอิ่มฟูชั่วคราว หรือส่วนประกอบหลักใน Neuvia Hydrodeluxe เป็นต้น ซึ่ง Noncrosslink HA  จะเน้นที่ความอิ่มฟูชั่วคราว ไม่ได้กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว ยกเว้นจะมีสารอื่นเป็นส่วนประกอบ 

Profhilo เป็นการใช้เทคโนโลยีพิเศษ ทำให้ปริมาณ HA จำนวนมากอยู่ในโครงสร้างพิเศษที่อยู่ในร่างกายได้นาน โดยไม่ใช้ Chemical Crosslinker เช่น BDDE ทำให้ไม่เสียงต่อการอุดตันเส้นเลือด และเป็นโครงสร้างพิเศษที่มีงานวิจัยว่าสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า HA ในรูปแบบปกติ 

ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า Profhilo เป็น Noncrosslink HA ที่ผ่านเทคโนโลยีพิเศษ ทำให้กระตุ้นคอลลาเจนได้ และคงอยู่ในร่างกายได้นาน 

ผลลัพธ์ของ Profhilo

Previous slide
Next slide

เนื่องจาก Profhilo เป็น Hyaluronic acid ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี ดังนั้นผลลัพธ์ของมันจึงมีทั้งผลลัพธ์จากตัว HA ที่ให้ความชุ่มชื่น และผลลัพธ์จากคอลลาเจนและอีลาสตินที่ถูกสร้างขึ้น โดยผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการฉีด Profhilo มีดังนี้

  • ช่วยให้ผิวที่เป็นคลี่ มีรอยเหี่ยวย่น ดูอิ่มฟู และเรียบเนียนมากขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว สามารถใช้รักษาหลุมสิวและคอเหี่ยวย่นได้
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและความโกลว์ระยะยาวของผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่ง

Profhilo แตกต่างกับ Sculptra และ Radiesse อย่างไร

จริงๆ ในท้องตลาดตอนนี้ มี Biostimulator เยอะมาก แต่สำหรับ Profhilo มันมีความแตกต่างจาก Sculptra หรือ Radiesse และสามารถมาช่วยเติมเต็มการรักษาให้ดียิ่งขึ้นได้

เชื่อว่าหลายคนอาจมีความสงสัยว่า แล้วจะเลือกกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Biostimulator ตัวไหนดี เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้อย่างเหมาะสม หมอจะพาไปดูความแตกต่างของ 3 ตัวนี้กัน

Profhilo

Profhilo จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจาก Sculptra และ Radiesse ตรงที่ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ในทุกชั้นผิว ตั้งแต่หนังแท้ชั้นตื้นไปจนถึงชั้นลึก จึงสามารถฉีดได้ทั้งชั้นตื้นและชั้นลึก เพื่อเพิ่มความเฟิร์มและเรียบเนียนของผิว ทำให้ผิวแน่นฟู และมีความชุ่มชื่นมากขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มปริมาตร หรือยกหน้า

Sculptra

Sculptra จะเน้นกระตุ้นคอลลาเจนที่หนังแท้ชั้นลึก เน้นเรื่องความแน่นเฟิร์มของโครงสร้างผิว และเพิ่มความหนาของผิว หากใช้ยาปริมาตรมาก จะสามารถเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่มีความตอบได้ และสามารถทำให้หน้าเกิดความยกได้ 

Radiesse

เหมาะกับผิวที่ต้องการเติมเต็มในระยะสั้น และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวไปพร้อมๆ กัน

โดยสรุปคือ Profhilo สามารถฉีดที่ผิวชั้นตื้นได้ด้วย แต่ Sculptra, Radiesse ทำไม่ได้ และเน้นทำให้ผิวด้านบน เรียบเนียน เน้นเฟิร์ม ชุ่มชื่นขึ้น และริ้วรอยน้อยลง ในขณะที่ Sculptra Radiesse จะเด่นที่งานผิวชั้นลึกและโครงสร้างผิวมากกว่า

Profhilo เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวหลวม ไม่ยืดหยุ่น แต่ไม่ขาดปริมาตร ต้องการผิวที่เด็กขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น เรียบเนียนด้านบนมากขึ้น หรือต้องการให้ริ้วรอย ความไม่เรียบด้านบนลดลง ผิวดูโกลว์ชุ่มชื่นขึ้น โดยไม่เปลี่ยนรูปหน้า 
  • ผู้ที่เคยฉีด Sculptra หรือ Radiesse จนได้โครงสร้างผิวชั้นลึกที่พอใจ มีความเต็มเด้งของผิวที่ดี แต่อยากแก้ไขผิวชั้นที่ตื้นขึ้นมากขึ้น ให้ผิวด้านบน เรียบเนียน เส้นริ้วรอยลดลง ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น 
  • ผู้ที่ต้องการความเนียนเด้ง ฟูใส เรียบเนียนของผิว รวมถึงความชุ่มชื่นแบบในผิวตั้งแต่ชั้นตื้นจนถึงชั้นลึก
  • ผู้ที่มีหลุมสิว โดยสามารถใช้ร่วมกับเลเซอร์รักษาหลุมสิว รวมถึง Sculptra และ Radiesse ในการรักษาหลุมสิวได้ โดยเน้นกระตุ้นในชั้นที่แตกต่าง โดย Sculptra และ Radiesse มักใช้ในชั้นใต้ผิว หรือหนังแท้ชั้นลึก (Subdermal) ส่วน Profhilo จะสามารถกระตุ้นระหว่างชั้นผิว หรือตั้งแต่หนังแท้ชั้นตื้นถึงชั้นกลางได้ด้วย ผ่านวิธีการฉีดแบบ Intradermal หรือการฉีดไปโดยตรงที่หลุม 

Profhilo ฉีดบริเวณไหนได้?

  • ใบหน้า
  • รอยแผลเป็น รอยหลุมสิว
  • คอ
  • มือ 
  • ความหย่อนคล้อยตามร่างกาย 

ขั้นตอนการฉีด Profhilo ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

Profhilo มีวิธีการฉีดได้หลายแบบ โดยเป็นหนึ่งในยาที่เหมาะกับคนกลัวเข็มมาก เพราะสามารถฉีดได้โดยใช้การฉีดบนผิวเพียง 5 จุดต่อข้าง และยาจะมีคุณสมบัติในการกระจายตัวไปทั่วไปหน้าเอง โดยมีความเจ็บน้อย หรืออาจสามารถฉีดเสริมเฉพาะจุดในชั้นผิวที่แตกต่างกันตามลักษณะของปัญหาได้ด้วย ขึ้นกับการวิเคราะห์ของแพทย์ 

โดยใช้ยาในปริมาณเพียง 1-2 หลอด ต่อครั้ง โดย 1 หลอดมี 2 cc และควรฉีดซ้ำจนครบ 2-3 ครั้ง เพื่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องและมากเพียงพอ

การฉีด Profhilo

  • ฉีดแบบมาตรฐานทั่วไป  ครั้งละ 1 หลอด/2 cc
  • ฉีด 2 ครั้งห่างกัน 1 เดือน รวมใช้ 2 หลอด
  • หากปัญหาเยอะ หรือในเคสหลุมสิว สามารถกระตุ้นครั้งที่ 3 หรือเพิ่มจำนวนเป็น 2 ครั้งต่อหลอดเพื่อการย้ำปัญหาเฉพาะจุดได้

ฉีด Profhilo นานเท่าไหร่ถึงเห็นผล

ส่วนใหญ่แล้ว จะเริ่มเห็นผลหลังรับการรักษาไปแล้ว 1 เดือน และจะเห็นผลมากขึ้นหลัง 2 เดือน โดยผลลัพธ์ในด้านการกระตุ้นคอลลาเจน และแก้ปัญหาความเสื่อมของผิว จะอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและการตอบสนองของแต่ละคน ส่วนการรักษาหลุมสิวจะให้ผลลัพธ์เป็นถาวร อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการคงผลลัพธ์ไว้ ก็สามารถเข้ารับการฉีด Profhilo เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างสม่ำเสมอได้ทุก 6 เดือน

Profhilo มีผลข้างเคียงไหม?

Profhilo เป็นยาที่มีผลข้างเคียงต่ำ และไม่รุนแรง โดยหลังจากที่ฉีดไปแล้ว อาจมีรอยเข็ม ตุ่มยา หรือรอยช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน และในระหว่างนั้นก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นแต่อย่างใด 

สรุป Profhilo คืออะไร ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนผิวเด็กได้อย่างไร?

Profhilo เป็นนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ล่าสุด ที่มีองค์ประกอบหลักเป็น Hyaluronic acid ความเข้มข้นสูง ผ่านการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี NAHYCO ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ทำให้สามารถกระจายตัวในผิวได้ดี และกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ Profhilo คือ สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ในทุกชั้นผิว ทั้งชั้นตื้นและชั้นลึก ต่างจาก Sculptra และ Radiesse ที่เน้นกระตุ้นเฉพาะชั้นลึก ทำให้ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน เพิ่มความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นได้ดีกว่า

เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย ความไม่ยืดหยุ่นของผิว รวมถึงหลุมสิว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวโดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า หรือต้องการเสริมประสิทธิภาพร่วมกับการรักษาด้วย Sculptra และ Radiesse

วิธีการรักษามาตรฐานคือฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลภายใน 1-2 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save