ดวงตา เป็นอวัยวะบนใบหน้าที่สามารถสื่ออารมณ์ในขณะที่พูดคุยกับคู่สนทนา ทำให้การมีดวงตาที่สวยงาม ไร้ริ้วรอย จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณ แต่แน่นอนว่า ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการขยี้ตา การใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน และความเครียด ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ ซึ่งในวันนี้ Atita Clinic จะมาแนะนำแนวทางแก้ไขริ้วรอยใต้ตาจากทีมแพทย์ประจำคลินิกของเรา พร้อมแนะนำสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยใต้ตา จะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์บ้าง ไปดูกันเลย
ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากสาเหตุอะไร?
Table of Contents
ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากการที่ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งผิวบริเวณใต้ตาจะมีไขมันอยู่น้อย ทำให้เมื่อผิวสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสตินแล้ว ผิวก็จะขาดความยืดหยุ่นและแห้งกร้าน โดยเฉพาะบริเวณหางตา และเปลือกตา นอกจากนี้ อายุที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้อีกด้วย เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น กระดูกบริเวณใต้ตาก็จะยุบตัวลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย และเกิดเป็นริ้วรอยได้
ลักษณะริ้วรอยใต้ตาที่พบได้บ่อย
ลักษณะของริ้วรอยใต้ตาที่พบบ่อย สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
- ริ้วรอยที่เกิดขึ้นตอนแสดงสีหน้า (Dynamic Line): ริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวซ้ำ ๆ ของกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง มักจะพบในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวหรือใช้งานบ่อย ๆ เช่น บริเวณใต้ตา เปลือกตา หรือหางตา
- ริ้วรอยคงที่ (Static Line): เป็นริ้วรอยที่เกิดจากผิวบริเวณนั้นสูญเสียความชุ่มชื้น คอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้เกิดริ้วรอยคงที่ ที่ไม่สามารถหายไปได้เอง และต้องใช้หัตถการฟื้นฟูริ้วรอยในการรักษา
ปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตา
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น: เพราะผิวสูญเสียคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่น จนเกิดเป็นริ้วรอยบริเวณหางตาและใต้ตาขึ้นได้อย่างง่ายดาย
- ผิวขาดความชุ่มชื้น: สำหรับคนที่มีผิวแห้ง จะมีโอกาสเกิดริ้วรอยบริเวณใต้ตา และบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้าได้มากกว่าคนผิวมัน
- แสงแดด: รังสียูวีในแสงแดดจะเข้าไปทำลายคอลลาเจน และอิลาสตินที่อยู่ในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ ขาดความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่น
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต: ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความเครียด การเช็ดเครื่องสำอางบริเวณดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว คนที่ชอบขยี้ตาบ่อย ๆ เป็นต้น
วิธีป้องกันริ้วรอยใต้ตา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณ และกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในร่างกายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ไม่ขยี้ตา เพราะอย่างที่เราบอกไปว่า ผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางมาก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาโดยตรง และไม่ขยี้ตาแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่าย
- ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอาง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวรอบดวงตาและเหมาะกับสภาพผิว หรือเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเช็ดรอบดวงตาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยลดการระคายเคือง และช่วยเก็บความชุ่มชื้นในผิวเอาไว้
- ทานผักผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา โดยเฉพาะวิตามินเอที่มีส่วนช่วยบำรุงสายตาโดยเฉพาะ ทำให้เมื่อสายตาของเราดีแล้ว ก็จะไม่เผลอไปขยี้ตา หรือหรี่ตาบ่อย ๆ
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันรังสียูวีในแสงแดด และแสงสีฟ้าจากการใช้งานโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์
5 สูตรมาส์กใต้ตา ลดริ้วรอยใต้ตาแบบธรรมชาติ ได้ผลจริง
เริ่มต้นวิธีลดริ้วรอยใต้ตาด้วยวิธีแบบธรรมชาติที่ Atita Clinic รวบรวมมาแนะนำ โดยสูตรมาส์กใต้ตาที่เรารวบรวมมาในวันนี้มีให้เลือกถึง 5 สูตรด้วยกัน ดังนี้
สูตรที่ 1: มะเขือเทศ+โยเกิร์ต
หั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปบดให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ และมาส์กบริเวณรอบดวงตาไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณ
มะเขือเทศ: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอยและความหมองคล้ำ
โยเกิร์ต: ช่วยเติมความชุ่มชื้น และทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาดูนุ่มขึ้น
สูตรที่ 2: น้ำมันมะพร้าว
เป็นสูตรที่ง่ายและเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาในการเตรียมส่วนผสม โดยให้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาบาง ๆ บริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ข้ามคืนโดยไม่ต้องล้างออก เพื่อให้น้ำมันมะพร้าวซึมเข้าสู่ผิว จากนั้นค่อยล้างออกให้สะอาดในตอนเช้าหลังตื่นนอน
สรรพคุณ
น้ำมันมะพร้าว: ช่วยเติมความชุ่มชื้น และลดรอยเหี่ยวย่นได้ดี
สูตรที่ 3: น้ำผึ้ง + แตงกวา
นำแตงกวามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วบดให้ละเอียด จากนั้นเติมน้ำผึ้งลงไป คนให้พอเข้ากัน แล้วนำมามาส์กบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณ
น้ำผึ้ง: ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
แตงกวา: ช่วยให้ผิวสดชื่น และดูสดใสขึ้น
สูตรที่ 4: ว่านหางจระเข้
อีกหนึ่งสูตรที่สามารถทำได้ง่าย และเหมาะกับคนไม่มีเวลา เพียงแค่นำว่านหางจระเข้ไปล้างน้ำให้สะอาด ขูดเอาเนื้อวุ้นออกมา หรือหากไม่สะดวกก็สามารถใช้เจลว่านหางจระเข้มาใช้แทนได้เช่นกัน โดยวิธีก็เพียงแค่นำสำลีไปชุบว่านหางจระเข้ให้พอชุ่ม แล้วนำมาวางไว้ที่เปลือกตา ทิ้งไว้ 10-15 นาที และปล่อยให้ซึมเข้าสู่ผิวเองโดยไม่ต้องล้าง
สรรพคุณ
ว่านหางจระเข้: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการตาบวม หรืออาการบวมแดง และลดริ้วรอยได้
สูตรที่ 5: ถุงชา
หลายคนคงจะคุ้นเคยสูตรนี้เป็นอย่างดี โดยให้นำถุงชาที่ใช้เสร็จแล้วไปแช่เย็นประมาณ 10-20 นาที แล้วนำมาวางบริเวณเปลือกตาประมาณ 10-15 นาที เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ดวงตาสดชื่นมากขึ้นได้
สรรพคุณ
ถุงชา: ใบชามีส่วนช่วยลดอาการตาบวม หรืออาการบวมแดง พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวรอบดวงตาได้อีกด้วย
วิธีลดริ้วรอยใต้ตาด้วยหัตถการทางคลินิก
ได้สูตรมาส์กใต้ตาเพื่อลดริ้วรอยด้วยวิธีธรรมชาติกันไปแล้ว อันดับต่อไปก็มาถึงวิธีลดริ้วรอยใต้ตาด้วยหัตถการทางคลินิก ซึ่งเป็นวิธีที่ถือว่าเห็นผลรวดเร็ว และชัดเจน ดังนี้
-
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยการฉีดโบท็อก
วิธีลดริ้วรอยใต้ตาด้วยการฉีดโบท็อก ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วภายใน 5-7 วันหลังทำ และเห็นผลเต็มที่ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ โดยตัวยาที่ฉีดจะเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลงชั่วคราว นิยมฉีดบริเวณใต้ตา ตีนกา หรือหางตา ซึ่งการฉีดโบท็อกจะคงสภาพอยู่ได้นาน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือก และการดูแลตัวเองหลังจากการฉีด
-
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ เบ้าลึก หรือมีรอยพับใต้ตาจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ จะเข้าไปเติมเต็มแอ่งใต้ตา หรือบริเวณที่กระดูกตายุบตัวให้ตื้นขึ้น และทำให้ใบหน้าดูเด็กลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะสามารถเห็นผลได้ภายใน 5-7 วันหลังทำ และเห็นผลเต็มที่ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ
-
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยการฉีดไขมัน
การฉีดไขมัน เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยใต้ตาลึก รวมถึงมีปัญหาร่องใต้ตาลึกและกว้าง โดยจะเป็นการนำไขมันของคนไข้มาฉีดในบริเวณที่มีปัญหา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพ้สารเติมเต็ม แต่มีข้อเสียคือ มีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก และต้องเจ็บตัวหลายครั้ง นอกจากนี้การฉีดไขมันยังไม่สามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก เพราะร่างกายอาจดูดซึมไขมันไปใช้งานได้ จึงต้องทำเป็นประจำ สม่ำเสมอ
-
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยเทอร์มาจ หรือคลื่นวิทยุ
เทอร์มาจ หรือการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เป็นวิธีรักษาที่นิยมใช้ควบคู่กับวิธีรักษาอื่น ๆ เช่น เลเซอร์ โบท็อก เป็นต้น โดยเทอร์มาจจะปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อน ๆ ในรูปแบบของคลื่นความถี่วิทยุเพื่อเข้าไปยกกระชับคอลลาเจนบริเวณนั้นให้เกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งเทอร์มาจเหมาะกับการรักษาริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือบริเวณผิวหนังที่หย่อนคล้อย
-
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยอัลเทอร์ร่า หรือไฮฟู่
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยรอบดวงตาไม่เยอะมาก มีผิวหย่อนคล้อย จนเกิดปัญหาหนังตาหรือหนังคิ้วตก โดยการทำงานของ Hifu จะใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ยิงเข้าไปในแต่ละชั้นผิว เพื่อให้เกิดการหดตัว และกระชับขึ้นโดยไม่ต้องฉีดตัวยาหรือสารเติมเต็มใด ๆ
-
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยเลเซอร์
การเลเซอร์เป็นวิธีที่เหมาะกับริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก โดยเลเซอร์จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย และช่วยฟื้นฟูรอยย่นให้จางลงได้ ซึ่งวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และเห็นผลช้า โดยจะสามารถเห็นผลชัดเจนหลังจากเลเซอร์ 3-4 ครั้งขึ้นไป
-
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยการผ่าตัด
วิธีลดริ้วรอยใต้ตาด้วยการผ่าตัดหรือศัลยกรรม เป็นวิธีแก้ปัญหาที่สามารถอยู่ได้ยาวนานกว่าวิธีอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วนิยมผ่าเอาถุงใต้ออก หรือแก้ใต้ตาเหี่ยว เปลือกตาย่น โดยวิธีนี้จะเป็นการผ่าตัดเอาหนังส่วนเกินออก และเย็บบริเวณนั้นใหม่ ทำให้มีความกระชับ และช่วยลดริ้วรอยได้อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของการติดเชื้อ หากดูแลตัวเองไม่ดี
Add Line เพื่อนัดหมาย หรือรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีลดริ้วรอยใต้ตาที่ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ Atita Clinic รวบรวมมาแนะนำกันในวันนี้ สำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่ไม่หนักมาก ก็อยากให้เลือกนำวิธีลดใต้ตาแบบธรรมชาติ หรือการมาส์กบริเวณรอบดวงตาไปลองใช้ดูก่อน หากไม่เห็นผลค่อยเลือกใช้วิธีลดริ้วรอยด้วยการทำหัตถการ ที่สำคัญคือ ก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง ควรสอบถามข้อมูลและขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง รวมถึงควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบหรืออันตรายขึ้นในภายหลัง
สำหรับคนที่ยังไม่มีคลินิกในใจ ก็สามารถทักเข้ามาพูดคุยหรือสอบถามข้อมูล และขอคำแนะนำจาก Atita Clinic ก่อนได้ เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คอยตอบทุกคำถาม และแนะนำตัวเลือกที่ตอบโจทย์กับปัญหาของคุณมากที่สุด