ปัจจุบันการดูแลผิวพรรณไม่ใช่แค่การทาครีมบำรุงอีกต่อไป เทรนด์การฉีด Sculptra และฟิลเลอร์กำลังมาแรง เพราะช่วยปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ อิ่มฟู เรียบเนียน และกระชับขึ้น แต่หลายคนยังสับสนว่าแท้จริงแล้ว Sculptra vs Filler ต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดแบบไหนให้เหมาะกับผิวของตัวเอง บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจให้คุณเข้าใจความแตกต่างและเลือกได้อย่างเหมาะสม
Table of Contents
Sculptra คืออะไร
Sculptra เป็นสารในกลุ่ม Collagen Biostimulator มีสาร Poly-L-Lactic Acid (PLLA) เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จากพืช ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง Sculptra ไม่ใช่สารเติมเต็มแบบทั่วไป แต่เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย
กลไกการออกฤทธิ์ของ Sculptra
Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนัง สาร PLLA จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผ่านเซลล์เม็ดเลือดขาว (Macrophage) ซึ่งจะส่งสัญญาณไปยังเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้สร้างคอลลาเจน Type 1 และอิลาสตินเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังการฉีด และเห็นผลชัดเจนที่สุดหลังจาก 3 เดือน
จุดเด่นและข้อดีของ Sculptra
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 ได้สูงถึง 66.5% หลังฉีดไป 3 เดือน
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนานถึง 25 เดือน
- ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวแน่น ฟู เรียบเนียนขึ้น
- ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่นดีขึ้น
- เป็นสารสังเคราะห์จากพืช ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียง
ใครเหมาะกับการฉีด Sculptra
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
- ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก หรือผิวขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกและยั่งยืน
HA Filler คืออะไร
ฟิลเลอร์ หรือ HA Filler คือสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์ ทำหน้าที่กักเก็บน้ำและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในผิวหนัง จะช่วยเติมเต็มส่วนที่ยุบตัว หย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอย ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง อิ่มฟู และมีความชุ่มชื้นทันที
คุณสมบัติและข้อดีของ HA Filler
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด 70-80% และเห็นผลสมบูรณ์ใน 2-4 สัปดาห์
- ช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า และเพิ่มมิติให้ใบหน้า
- สามารถเลือกความหนืดได้หลากหลายตามความต้องการและตำแหน่งที่ฉีด
- เป็นสารที่ร่างกายสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
- สามารถย้อนกลับได้หากไม่พอใจผลลัพธ์ โดยการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase
ใครเหมาะกับการฉีด Filler
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที
- ผู้ที่มีร่องลึกเฉพาะจุด เช่น ร่องแก้ม หรือริ้วรอยรอบปาก
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น เสริมจมูก คาง แก้ม
- ผู้ที่มีใต้ตาลึก ตาคล้ำ หรือผิวขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่เพิ่งเริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อย
ฟิลเลอร์แบบงานผิว ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร
ฟิลเลอร์งานผิวจะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบากว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ฉ่ำวาว คล้ายผิวกระจก ตัวอย่างเช่น Belotero Revive หรือ Juvederm Volite ที่ถูกพัฒนามาเฉพาะสำหรับการฟื้นฟูผิว ในขณะที่ฟิลเลอร์ทั่วไปจะมีเนื้อเจลที่หนาและแน่นกว่า เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก หรือการปรับรูปหน้า เช่น เสริมจมูก คาง หรือโหนกแก้ม
Sculptra vs HA Filler แตกต่างกันอย่างไร
แม้ว่าทั้ง Sculptra และ HA Filler จะช่วยปรับปรุงสภาพผิวให้ดูดีขึ้น แต่กลไกการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวที่ต่างกัน
เปรียบเทียบเรื่องผลลัพธ์และความยั่งยืน
Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังฉีด 2-3 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนหลังจาก 3 เดือน ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึง 25 เดือน เพราะเป็นคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง ขณะที่ HA Filler ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด แต่จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด การรักษาด้วย Sculptra มักต้องฉีด 2-3 ครั้งในระยะแรก ส่วนฟิลเลอร์อาจฉีดเพียงครั้งเดียวก็ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
เลือกฉีดส่วนไหนได้บ้าง
Sculptra เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ
- แก้มที่ตอบ เพื่อเพิ่มความอิ่มฟู
- กรอบหน้า เพื่อยกกระชับใบหน้า
- ขมับ ให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- บริเวณทั่วใบหน้าที่ต้องการความแน่น ฟู
HA Filler เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ
- ร่องแก้ม เพื่อลดความลึก
- ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาลึก ตาคล้ำ
- ริมฝีปาก เพิ่มความอวบอิ่ม
- จมูก คาง เพื่อปรับรูปหน้า
- หน้าผาก เติมเต็มให้ได้มิติ
ด้านความปลอดภัย Sculptra กับ Filler
ทั้ง Sculptra และ HA Filler ต่างมีความปลอดภัยสูงหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม HA Filler มีข้อได้เปรียบในแง่ที่สามารถแก้ไขได้หากเกิดปัญหา โดยการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ ขณะที่ Sculptra ไม่สามารถย้อนกลับได้เนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นเอง การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับการฉีด Sculptra
สรุปเลือก Sculptra หรือ Filler แบบไหนดีให้ตอบโจทย์คุณ
การเลือกระหว่าง Sculptra vs Filler ควรพิจารณาจากลักษณะปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการ หากคุณเป็นผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ หรือต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน Sculptra อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า แต่ถ้าคุณต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที หรือต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด เช่น เติมเต็มร่องแก้ม หรือเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก HA Filler น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
นอกจากนี้ หลายคนอาจเลือกใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน โดยใช้ Sculptra เพื่อปรับโครงสร้างผิวโดยรวม และใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขในบางจุดให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ที่สุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ผิวและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับคุณ