คางบุ๋มโหงวเฮ้งไม่ดี มีวิธีแก้ให้คางมน เรียว โหงวเฮ้งปังยังไงได้บ้าง

โหงวเฮ้งใบหน้าเป็นศาสตร์ของจีนรูปแบบหนึ่งที่เชื่อกันว่า ถ้าใบหน้าได้สัดส่วนเป็นตามตำราโหงวเฮ้งจะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตราบรื่น มีคนรัก คนเมตตามากยิ่งขึ้น สำหรับ “คาง” ตามตำราของจีน ถ้าบุคคลใดมีลักษณะคางบุ๋ม มักจะมีปัญหาเรื่องครอบครัว ความรัก อกหักบ่อย มีความรักแล้วไม่สมหวังตลอด และทำให้ใบหน้าดูไม่เรียว คางไม่มน ไม่มีมิติ หลายคนที่มีปัญหาดังกล่าว มักนิยมแก้ไขปัญหาคางบุ๋มด้วยการฉีดฟิลเลอร์ หรือ โบท็อก ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงมักเลือกแก้ไขคางที่บุ๋มด้วย 2 วิธีนี้ ในบทความนี้ Atita Clinic ได้รวบรวมทุกประเด็นที่เกี่ยวกับคางบุ๋ม อ่านได้ที่นี่ ครบ จบทุกข้อสงสัยได้อย่างแน่นอน

คางบุ๋มเกิดจากอะไร

คางบุ๋ม หรืออีกอย่างหนึ่งว่า cobblestone chin เป็นลักษณะเนื้อบริเวณปลายคางที่ไม่เรียบเนียน มีร่องลึกลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งลักษณะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเพศชาย และเพศหญิง โดยอาการดังกล่าวเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ แต่ที่แพทย์วินิจฉัยพบบ่อยที่สุด จะมักเกิดจากกรรมพันธุ์ การห่อริมฝีปาก อายุที่เพิ่มมากขึ้นและการสบฟันที่ผิดปกตินั้นเอง

กรรมพันธุ์ หรือโครงสร้างใบหน้า

ลักษณะของคางบุ๋ม ที่เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือโครงสร้างใบหน้านั้น ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มักเกิดจากกระดูกขากรรไกรเกิดรอยกลางลึก หรือกล้ามเนื้อบริเวณคางที่เรียกว่า Mentalis ทั้งสองข้างเกิดการผิดปกติเชื่อมต่อกันไม่สนิท จึงทำให้เกิดรอยร่องลึกที่คางได้

การห่อริมฝีปากเป็นเวลานาน

พฤติกรรมการห่อริมฝีปากตนเองบ่อย ๆ เป็นระยะเวลานาน สามารถทำให้เกิดคางบุ๋มได้ เนื่องจากการแสดงสีหน้าท่าทางแบบนั้นบ่อยครั้ง ทำให้บนผิวหนังเกิดร่องได้ถาวร ส่วนใหญ่สาเหตุนี้มักจะเกิดขึ้นกับนักดนตรีที่ใช้เครื่องเป่าเป็นประจำ เพราะต้องห่อปากตลอดที่เล่นเครื่องดนตรีนั้นเอง

อายุที่เพิ่มขึ้น

ด้วยความที่อายุมากขึ้น ไขมันที่อยู่บริเวณคางและกระดูกขากรรไกรฝ่อตัวลง ส่งผลให้คางจับตัวเป็นก้อนหรือลูกคลื่นได้ง่าย ส่วนใหญ่อาการคางบุ๋มจากอายุเพิ่มขึ้น จะมาพร้อมกับร่องน้ำหมากบริเวณริมฝีปาก ทำให้เวลาที่ยิ้ม หรือขยับปากมาก ๆ เกิดริ้วรอยอย่างชัดเจน ส่งผลให้ใบหน้าดูเหี่ยวหย่อนคล้อยก่อนวัย จนขาดความมั่นใจในตนเองได้

ปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ

การสบฟันที่ผิดปกติทำให้เกิดอาการคางบุ๋มได้นั้น จะมาในลักษณะของฟันล่างยื่นออกมาค่อมฟันบน ซึ่งการสบฟันแบบนี้ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคางเกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้คางเป็นคลื่นและบุ๋มลงไป

คางบุ๋ม มีลักษณะเป็นอย่างไร

• รอยบุ๋ม – ลักษณะเด่นของคางบุ๋มคือมีรอยบุ๋มหรือรอยกดตรงกลางคาง ทำให้คางดูแยกเป็นสองส่วน
• ความไม่เรียบ – ผิวบริเวณคางมีความขรุขระ ไม่เรียบเสมอกัน ทำให้รูปหน้าดูไม่กลมกลืน
• กระดูกคางแยก – เกิดจากกระดูกคางที่ไม่เชื่อมติดกันสมบูรณ์ในช่วงพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา

ความเชื่อเรื่องคางบุ๋ม กับเรื่องโหงวเฮ้ง

ในเรื่องโหงวเฮ้งหรือศาสตร์การดูโชคลาภจากใบหน้า มีความเชื่อว่าคางบุ๋มอาจส่งผลต่อดวงชะตาและความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์และการเงิน บางความเชื่อระบุว่าคางบุ๋มอาจทำให้เจ้าของมีอุปสรรคในการสะสมทรัพย์หรือมีปัญหาในความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์ ลักษณะคางบุ๋มเป็นเพียงความแตกต่างทางกายภาพที่ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม แต่อาจมีผลต่อความมั่นใจของผู้มีลักษณะดังกล่าว

วิธีแก้คางบุ๋ม ปรับคางให้เรียวมน โหงวเฮ้งดีขึ้น

แม้ว่าลักษณะของคางบุ๋ม จะไม่ได้มีอันตรายต่อร่างกายมากนัก แต่มีผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้ขาดความมั่นใจในตนเอง หรือกังวลในเรื่องของโหงวเฮ้งบนใบหน้า หลายคนที่กำลังประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ อยากหาทางแก้ไข ซึ่งทางการแพทย์มีวิธีปรับแต่งคางให้สวยมนหลายวิธี แต่วิธีที่แพทย์นิยมใช้กัน ได้แก่ การฉีดฟิลเลอร์ การฉีดโบท็อก การผ่าตัดเสริมคาง การเติมไขมันที่คาง เป็นต้น ซึ่งแต่ละวิธีมีความแตกต่างกันดังนี้

ฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์คาง หากได้ลองศึกษามาบ้างจะพอทราบว่าสารประกอบหลักของฟิลเลอร์เป็นสารที่ค่อนข้างปลอดภัย และร่างกายของเรามีการสร้างสารนี้ขึ้นมาที่ผิวหนังอยู่แล้ว นั่นก็คือ ไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) สำหรับการแก้ไขคางบุ๋ม แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์นี้ประมาณ 1CC ลงไปบริเวณที่เป็นร่อง ทำให้ผิวคางเรียบเนียน ไร้รอยร่องลึกนั้นเอง และที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติของผิวได้ด้วย ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น อิ่มฟูยิ่งขึ้น

• ข้อดี คือ เห็นผลลัพธ์ไว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
• ข้อจำกัด คือ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คงอยู่ถาวร อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
• วิธีนี้เหมาะกับใคร : เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยบุ๋มตื้นหรือไม่ลึกมาก ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องการพักฟื้นนาน และยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 9-18 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล 

ฉีดโบท็อก

การฉีดโบท็อก เพื่อแก้ไขคางบุ๋ม เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่ช่วยแก้ปัญหาคางบุ๋มจากกล้ามเนื้อได้ โดยแพทย์จะทำการวิเคราะห์ตำแหน่งคางที่เป็นร่องลึกก่อนแล้วฉีดโบท็อกลงไป ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็ง ทำให้ผิวคางเรียบตึงไม่มีร่องบุ๋ม และปริมาณของโบท็อกที่ใช้มักไม่เกิน 15 ยูนิต ถือว่าน้อยมาก เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และให้ผลลัพธ์ที่คงสภาพได้นาน 4-6 เดือน

• ข้อดี คือ เป็นวิธีที่ปลอดภัย ทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น 
• ข้อจำกัด คือ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คงอยู่ถาวร ขึ้นอยู่กับชนิดโบท็อก ปริมาณที่ใช้ และการพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้รับหัตถการ โดยส่วนใหญ่มักอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
• วิธีนี้เหมาะกับใคร : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางบุ๋มที่เกิดจากกล้ามเนื้อคางทำงานมากเกินไป ซึ่งพบได้ในบางราย การฉีดโบท็อกจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณคาง ทำให้รอยบุ๋มจางลงได้ วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขแบบชั่วคราว เพราะผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4 เดือน

ผ่าตัดเสริมคางแก้คางบุ๋ม

สำหรับการแก้ไขปัญหาคางที่บุ๋มด้วยวิธีการผ่าตัดเสริมคาง มักจะเป็นวิธีท้าย ๆ ที่แพทย์แนะนำ การเสริมคางมักเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงกว่าการทำหัตถการรูปแบบอื่น ต้องพักฟื้นนาน มักจะนิยมใช้วิธีนี้ในการแก้ไขปัญหาของบุคคลที่มีอาการคางบุ๋มร่วมกับคางสั้น เพราะการเสริมคางจะช่วยทำให้คางยาวขึ้น ร่องลึกกลางคางหายไป และยังช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวมีมิติขึ้นยิ่งด้วย

• ข้อดี คือ ผลลัพธ์อยู่ได้ถาวรและสามารถเสริมให้คางยาวขึ้นได้มากกว่า 1 เซนติเมตร
• ข้อจำกัด คือ เกิดแผลผ่าตัด หากรักษาความสะอาดไม่ดี เสี่ยงแผลติดเชื้อได้ง่าย และเกิดรอยแผลเป็นได้
• วิธีนี้เหมาะกับใคร : เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางบุ๋มลึก หรือต้องการผลลัพธ์ถาวร การผ่าตัดเสริมคางอาจทำได้หลายวิธี เช่น การใส่ซิลิโคนเสริมคาง หรือการจัดโครงสร้างกระดูกคางใหม่ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ถาวร แต่จำเป็นต้องพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์

การเติมไขมัน

การฉีดเติมไขมันแก้ไขอาการคางบุ๋ม เป็นสิ่งที่หลายคนวิตกกังวล กลัวเจ็บ หรือกลัวว่าการนำไขมันมาเติมลงไปในร่องลึกแล้วจะก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งในความเป็นจริง แพทย์จะใช้ไขมันบริเวณท้องหรือต้นขาของแต่ละคน ดูดออกมาแล้วทำการกรอกสารที่เป็นน้ำและเลือดออกให้หมดก่อน ให้เหลือเพียงไขมันที่มีเซลล์สตีมอยู่ เมื่อฉีดลงในร่องบุ๋ม ทำให้ไขมันไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังบริเวณคาง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มส่วนที่เป็นร่องให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทน ให้ร่องบุ๋มค่อย ๆ ตื้นขึ้น จนเรียบเนียน และยังทำให้ไขมันช่วงท้องและต้นขาลดลงด้วย

• ข้อดี คือ เห็นผลเร็ว มีความเป็นธรรมชาติสูง มีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพ้สารเติมเต็ม
• ข้อจำกัด คือ มีกระบวนการทำหลายขั้นตอน ค่าใช้จ่ายสูง
• วิธีนี้เหมาะกับใคร : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขคางบุ๋มด้วยวิธีธรรมชาติ โดยใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายตนเองมาเติมเต็มบริเวณคางที่บุ๋ม ข้อดีคือลดความเสี่ยงจากการแพ้วัสดุเทียม และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่า 

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคางบุ๋ม

• บริหารกล้ามเนื้อใบหน้า – การฝึกบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคางและใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น
• ทรงการนั่งและการนอนที่ถูกต้อง – หลีกเลี่ยงการเอาคางเกยมือหรือกดคางลงบนโต๊ะเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยกดบริเวณคาง
• ดูแลน้ำหนักตัว – การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ช่วยลดการสะสมไขมันบริเวณใบหน้าและคาง
• เลี่ยงนิสัยกัดฟัน – การกัดฟันหรือบีบขากรรไกรบ่อย ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อคางแข็งเกร็งและมีผลต่อรูปร่างของคาง
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบริเวณคาง – การใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวบริเวณคางแลดูเรียบเนียนขึ้น

สรุปเกี่ยวกับคางบุ๋ม

คางบุ๋ม เป็นลักษณะของผิวบริเวณคางที่เป็นร่องลึก ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุ ทว่าเคสที่แพทย์พบมากที่สุด ส่วนใหญ่มักเกิดจากพันธุกรรม โครงหน้า ฟันสบกันผิดปกติ และอายุที่มากขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้ขาดความมั่นใจในตนเองได้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ การฉีดโบท็อก การเติมไขมัน การผ่าตัดเสริมคาง เนื่องจากทุกวิธีต่างมีข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เพื่อให้จัดการกับปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด ควรปรึกษาแพทย์ให้ช่วยประเมินวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม และได้ผลลัพธ์ที่ดีตรงสาเหตุของปัญหา เพื่อจะได้คางมนสวย และมีใบหน้าเรียวตรงใจ